วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อย่ามองคนแค่ภายนอก

บ่อยครั้งศิลปินดารานักแสดงในเมืองไทยมักถูกตีตราภาพลักษณ์ให้ติดตรึงไปกับผลงานของพวกเขา พระเอกนางเอกโชคดีหน่อยที่ภาพลักษณ์อันแสนดีจะอยู่คู่กับตัวเขาและเธอ แต่กลับกันหากคุณเห็นเขาในบทบาทที่ต่างไป ก็ดูเหมือนพวกเขาจะถูกตอกหมุดให้เป็นและต้องเป็นอย่างที่ทุกคนได้เห็นผ่านผลงานในวงการบันเทิงสกู๊ปบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ อาทิตย์นี้มีโอกาสดีได้นั่งคุยกับศิลปินคนดัง “ขันเงิน ไทยเทเนียม” หรือ “ขันเงิน เนื้อนวล” ผู้ชายที่ภาพลักษณ์ของเขาคือศิลปินฮิปฮอป สัมมะเลเทเมา ร้องเพลงแร็พ ทรงผมเดธร็อก พูดแบบใจร้ายหน่อยต้องบอกว่า “อิมเมจติดลบ” ในสายตาใครหลายๆ คน แต่เชื่อหรือไม่ถ้ามองภาพกว้าง ก้าวข้ามความเป็น “ไทยเทเนียม” ออกไป “ขันเงิน เนื้อนวล” คือเจ้าของสายการบิน “Asian Air” สายการบินน้องใหม่ล่าสุดของวงการบิน ที่ให้บริการเที่ยวบินแบบชาร์เตอร์ไฟลท์ บินตรงจากกรุงเทพฯ - กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น (ดอนเมือง-นาริตะ) และล่าสุดกำลังจะเปิดเส้นทางการบินชาร์เตอร์ไฟลท์ไปยังเมืองพาเรา ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อได้พูดคุยกับ ขันเงิน เราได้เห็นมุมที่แตกต่างและน่าสนใจในตัวผู้ชายคนนี้ จนต้องจับเรื่องราวความคิด มุมมองในการทำงานและการใช้ชีวิตที่ขัดกับภาพลักษณ์ดิบๆ ของเขามานำเสนอให้ได้คิดตามกันเราเปิดบทสนทนาถึงภาพของความเป็น ขันเงิน ไทยเทเนียม กับภาพการเป็นผู้บริหาร สายการบิน ที่ดูค่อนข้างขัดแย้ง ไม่มีใครเชื่อว่าอย่างเขาจะทำได้(ซ้ายมือ) คุณเดวิด ศรีชัยอุดม หุ้นส่วนหลักของสายการบินเอเซียนแอร์“การเป็นผู้บริหารสายการบินเรื่องใหญ่มากจริงๆ ครับ แต่ผมว่าคนไม่น่าจะคิดว่าผมเป็นนักร้องแล้วจะทำไม่ได้นะ ถ้าพูดกันแบบจริงๆ แล้ว ผู้บริหารสายการบินใหญ่ๆ มีเยอะมากเลยนะที่มาจากการเป็นศิลปิน แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมมันเป็นอย่างนั้น ซึ่งถ้าใครรู้จักผมจริงๆ จะทราบว่าผมทำค่ายเพลงของผมเองมา 10 กว่าปีแล้ว ทำเอง บริหารเอง ดูแลการเงินเอง ไอ้เรื่องการร้องเพลงอาจจะดูเกเรสำมะเลเทเมาอะไรไปบ้าง (หัวเราะ) แต่ผมว่ามันก็เป็นการพิสูจน์นะผมถือว่าคนที่ไม่เข้าใจก็ยิ่งทำให้ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าจริงๆ แล้วการเติบโตจากการเป็นนักร้องเพลงแร็พ ซึ่งคนก็คิดว่าเสเพลไปวันๆ แต่เราก็เดินทางมาถึงจุดที่ทำให้คนยอมรับได้ ผมว่าคนที่มองตั้งแต่แรกจนมาถึงขั้นสุดท้ายเขาก็จะรู้สึกไปกับเราด้วยว่าไอ้คนนี้มันทำได้ นี้คือสิ่งที่ผมพยายามทำ แล้วเวลาทำได้เราก็จะภูมิใจในตัวเอง คนอื่นเขาจะคิดยังไงเราก็รับฟัง เราคิดซะว่าเราทำงานบริการ มีอะไรที่เป็นความคิดเห็นของผู้ใช้บริการเราก็ต้องรับฟัง แต่ตัวเราเองก็จะบอกตัวเองว่าเราทำได้ และเราจะทำให้เขาเห็น”“ทำไมถึงเลือกทำสายการบิน จุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหน” หลายคนคงอยากจะรู้คำตอบนี้ “จุดเริ่มต้นคือผมกับเดวิด (เดวิด ศรีชัยอุดม : หุ้นส่วนหลัก) เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรายังไม่เกิด เราโตมาด้วยกัน คุณพ่อของผมเองก็ทำงานทางด้านสายการบิน คุณพ่อเดวิดก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นการบินทำให้เราได้มาเจอกัน และคุณพ่อของเราสองคนอยากทำธุรกิจสายการบินมากแต่ท่านไม่ได้ทำ คุณพ่อผมเสียไปก่อน คุณพ่อของเดวิดก็ไม่ได้ทำ จนมาถึงทุกวันนี้เรารุ่นลูกก็ขอมาสานฝันทำต่อต้องบอกว่าความรู้เรื่องการบินของพวกเราก็มาจากคุณพ่อทั้งนั้น ตอนแรกที่คิดจะทำผมยอมรับว่าตัวผมความรู้น้อยมาก แต่ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงที่คนเราจะเรียนรู้ เดวิดเองพื้นฐานด้านสายการบินเขาแน่นมากอยู่แล้ว ผมก็ดูเรื่องการประชาสัมพันธ์ ผมมั่นใจว่าเราทำได้ เราทำสายการบินเป็นงานบริการ เราก็ยึดหลักว่าบริการให้ดีที่สุด”6 เดือนแรกที่ผ่านมากับธุรกิจสายการบิน Asian Air เจอความยากและอุปสรรคเยอะแค่ไหน เราโยนคำถามที่ทำให้ ขันเงิน ต้องนิ่งคิดสักพัก“จริงๆ ก็ไม่ได้เจอมากนะครับ ที่ผ่านมาที่เจอน่าจะเป็นเรื่องการวางระบบ เพราะด้วยความที่เราสร้างบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจใหม่บางทีเรายังไม่รู้ว่าเราจะเดินอย่างไร ใครจะเป็นคีย์สำคัญช่วยเราทำหน้าที่อะไร มันเป็นเรื่องความยากของการวางระบบมากกว่าบางคนมาทำงานกับเราก็เวิร์กบ้างไม่เวิร์กบ้าง บางคนเคยมีประสบการณ์เยอะมากกับการทำสายการบินก่อนมาทำงานกับเรา แต่เขาก็อยากทำอะไรไปในแนวของเขา ซึ่งไม่เหมือนกับแนวที่เราคิดไว้ เราไม่อยากเหมือนสายการบินอื่น พูดง่ายๆ ความยากมันจะเป็นการทำงานภายในมากกว่า เราต้องใช้เวลาเลือกคนที่มีวิสัยทัศน์ไปในทางเดียวกับเรากับทีมงานสายการบินเอเซียนแอร์แนวคิดของเราคือว่าไม่จำเป็นต้องเดินไปตามหลักการที่คนอื่นเขาทำ เหมือนกันกับที่ผมทำงานเพลง เราไม่จำเป็นต้องได้เดินตามสิ่งที่ค่ายใหญ่เขาทำ ผมไม่เห็นมีความจำเป็นต้องตามเขาเลยไม่งั้นมันก็เหมือนๆ กันไปหมด การทำสายการบินผมก็คิดอย่างเดียวกันเราไม่จำเป็นต้องเดินอย่างที่ทุกคนเดิน อย่างเช่นการไปเกาะพาเรา มันเป็นเส้นทางที่ยังไม่เคยมีใครไปมาก่อน เราก็ไปจุดในนี้ เราพยายามหาอะไรใหม่ๆ ถึงเราจะเป็นบริษัทเล็กที่มาใหม่แต่เราก็สามารถมองหาอะไรใหม่ๆ ให้เกิดกับวงการสายการบินเหมือนกันกับที่ผมทำธุรกิจกับวงการเพลง เราไม่ได้เป็นค่ายใหญ่ แต่เราพยายามนำเสนออะไรใหม่ๆ ข้อดีของการดำเนินธุรกิจแนวนี้ก็คือมันจะเป็นทางเดินที่เราไม่ต้องไปเดินเบียดแข่งกับใคร เอเชียนแอร์เราพยายามจะนำเสนออะไรที่แตกต่าง”ตอนนี้ธุรกิจสายการบินดำเนินไปด้วยดีแค่ไหน “ตอนนี้มีเครื่องบินใหม่เข้ามาอีกลำครับเราก็รอลำนี้มานานพอสมควร จะเพิ่มที่นั่งชั้นธุรกิจเข้ามาเป็นการเปิดรับผู้โดยสารใหม่ที่อยากเดินทางสบายมากขึ้นตัวผมดีใจมากครับที่ได้ก้าวมาถึงลำที่ 2 เพราะจริงๆ การเดินทางของเราก็ไม่ได้ง่ายๆ เป็นธุรกิจใหม่ที่ผมต้องทำความเข้าใจกับมันค่อนข้างมาก เพราะการเป็นนักร้องก็ทำงานเอนเตอร์เทนคนแล้วก็จบไป แต่อันนี้เป็นธุรกิจที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาก็มีคนแฮปปี้กับเราบ้างไม่แฮปปี้กับเราบ้าง แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด อาจจะมีการพลาดพลั้งอะไรบ้าง แต่ว่าเราก็นำมาปรับปรุงภูมิใจครับที่เราได้เดินทางมาอีกขั้นหนึ่ง สู้มาจนถึงทุกวันนี้ได้ ตอนนี้กำลังจะเปิดเส้นทางเดินใหม่ เมืองพาเรา ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นเกาะที่สวยมาก เหมือนมัลดีฟส์แต่ยังเวอร์จิ้นกว่าเยอะมาก ซึ่งเราถือว่านี่คือสิ่งที่ดีของการทำธุรกิจ เนื่องจากมีการเติบโตจะช้าจะเร็วแต่ได้เติบโตก็เป็นสิ่งที่ดี”ในระยะเริ่มแรกของ เอเชียนแอร์ เจอกระแสโจมตีอย่างหนักในเรื่องของการดีเลย์ “ครับ กระแสมาถึงก่อนผมเลย (หัวเราะ) มาถึงอินสตาแกรมผมก่อนใครเลยครับ ช็อกเหมือนกัน ซึ่งจุดนั้นทำให้ผมเข้าใจเลยว่างานบริการอย่างไรเราก็ต้องรับฟังลูกค้า และเราก็ต้องเตรียมตัวแก้ไข แม้ว่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย อย่างที่ดีเลย์ผมก็คิดว่าไม่มีใครอยากให้ดีเลย์แน่นอนแต่ความผิดก็คือมีคนมาบอกว่าไม่มีคนมาดูแลเขา ไม่มีคนมาบอก ซึ่งเราก็ผิดเต็มประตู เราก็ต้องรับฟัง รีบปรับปรุงและแก้ไขอย่างด่วน อันนี้คงต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกและก็น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเป็นแบบนั้น”ขอพรให้รักกับน้องริต้า ยืนยงการบริหารงานสายการบินกับการบริหารงานเพลงต่างกันอย่างไรบ้าง เป็นอีกหนึ่งมุมมองความคิดของสมาชิกไทยเทเนียมคนนี้ที่เราอยากรู้“จะบอกว่าไม่ได้ห่างกันมากขนาดนั้นเลยนะ มันก็คือการบริหารอิมเมจ บริหารแบรนด์ คล้ายๆ กัน แค่มันคือคนละสไตล์แค่นั้นเอง แต่ไอเดียคล้ายๆ กัน ผมมองว่าป็นเรื่องของการจะวางตัวเราไปในทิศทางไหน และเดินไปสู่ทางนั้นอย่างไร ให้คนมองแบรนด์เราอย่างไร แบรนดิ้งก็คล้ายๆ กัน แต่ไทยเทเนียมก็อาจจะดื้อกว่า ตามใจฉันมากกว่า แต่งานสายการบินคืองานบริการ จะมาตามใจฉันไม่ได้ จะเอาอย่างที่เราชอบไม่ได้ อย่างไทยเท เราจะแบบก็ฉันเป็นนี้น่ะ เรื่องของฉัน งานบริการเราทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องปรับให้เข้ากัน”เป้าหมายต่อไปของเอเซียน แอร์คืออะไร “ตอนนี้เรายังเป็นสายการบินชาร์เตอร์อยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเรายังไม่ได้บรรจุเป็นสายการบิน schedule flight คนเขาก็ยังรู้สึกว่าถ้าเขาจะไปญี่ปุ่นวันนี้จะได้มั้ย แต่ถ้าเราบินมีเที่ยวบินเป็นเวลาๆ เราก็จะสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้ ตอนนี้เราก็ต้องไฟต์ให้เราเป็น schedule flight ให้ได้”ถ้าให้ลองมองตัวเอง ณ เวลานี้พอใจกับการประสบความสำเร็จของคนที่ชื่อ ขันเงิน เนื้อนวล มากแค่ไหน“เอาเป็นว่าพอใจที่ตัวเองได้ทำสิ่งที่รักดีกว่า ต้องบอกว่าผมทำงานเยอะพอสมควร จนบางครั้งก็ถามตัวเองนะว่ามันเยอะไปหรือเปล่า มันคิดไม่ทันแล้วหรือเปล่า ช่วงนี้ก็ลดงานลงมาเยอะ เพื่อจะได้โฟกัสงานให้ได้มากขึ้นตัวผมเองผมถือว่าตัวเองโชคดีเพราะผมว่าผมไม่เคยดังนะ ผมมาแบบเรื่อยๆ แล้วก็อยู่เรื่อยๆ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมรัก แล้วมันทำให้ผมรู้ว่าไม่มีอะไรเที่ยงหรอก หลายคนที่เข้ามาในวงการแล้วรู้สึกว่าตัวเองดังแล้ว บางทีเขาไม่รู้หรอกว่าการตกมันเป็นอย่างไร แล้วพอเขาตกไปนั่นแหละเขาถึงจะรู้บางทีมันอาจจะตกได้เร็วมาก แล้วสิ่งที่เขาเจอนั่นละจะสอนเขาว่าตอนนั้นที่เราไปเชิดใส่คนนั้นน่ะ ตอนนี้คนนั้นเขากลับกลายเป็นคนที่ยืนบนจุดที่เราเคยอยู่ เขาจะเข้าใจความรู้สึกว่ามันเป็นอย่างไรบางทีหลายคนจะชอบรู้สึกว่าฉันดังละ ไม่มีใครมาทำอะไรฉันได้หรอก ผมคิดว่าอย่าไปยึดติดมาก ชื่อเสียงเป็นอะไรที่นอกกาย วันหนึ่งเราขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ เราก็ร่วงลงมาได้ในชั่วพริบตาเดียวทุกวันนี้ผมเลยไม่ยึดติดอะไรเลย เดินทางสายกลาง อย่างตัวผมเวลาทำอะไรคนชอบถามว่าทำได้เหรอ แล้วคำถามนี้มันมากับเราตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เราเข้าวงการเพลงแล้วจะมาทำเพลงแร็พ คนก็ถามละว่าจะทำได้เหรอ มันจึงกลายเป็นชีวิตประจำวันที่ผมจะต้องทำให้คนดูอยู่ตลอดเวลาว่าฉันทำได้นะถึงวันนี้ผมทำไทยเทเนียมมา 15 ปี พอมาทำสายการบินคนก็ยังมาถามผมว่าทำได้เหรอ ต่อให้อนาคตผมจะทำอย่างอื่น ผมก็เชื่อว่าคนก็ต้องตั้งคำถามว่าจะทำได้เหรอ ขนาดผมจะคบกับแฟนคนปัจจุบัน (ริต้า ศรีริต้า เจนเซ่น) คนยังถามเลยว่าจะทำได้เหรอสองผู้บริหารกับภาพลักษณ์ที่ติดดินคำถามเหล่านี้มันทำให้เรานิ่งขึ้น ทำให้เราได้รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องทำให้ใครรู้นอกจากตัวเราเอง ถ้าเราทำได้ เรารู้ตัวเราเองว่าเราเป็นอย่างไร เราจะพอใจและมีความสุขที่สุด เราไม่ต้องไปคิดถึงคำพูดใคร เพราะถ้าเราทำให้เขาเห็นได้ เขาก็จะเงียบไปเอง”“ทำไมต้องพิสูจน์เรื่องแฟนคนนี้ด้วย” เราสบช่องในการเจาะลึกเรื่องความรักของเขากับแฟนสาว ศรีริต้า “ก็ตอนแรกๆ โดนนิดนึง (หัวเราะ) อาจจะด้วยภาพลักษณ์ของเรา คนเขาก็ไม่เข้าใจว่าในเพลงมันก็เป็นคาแรกเตอร์ที่เราใช้ในเพลง บางทีคนเรามันมีหลายมุม เราทำเพลงแบบนี้ก็อาจจะส่อให้เราดูเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ มันไม่ใช่ทั้งหมดหรอกมีปัญหาเล็กน้อยในช่วงแรกๆ ทำให้เราท้อนิดนึง คนไม่ค่อยให้กำลังใจ เหมือนเขาดอกฟ้าแล้วเราล่ะ (หัวเราะ) คือคนไม่ได้เข้าใจไงว่าเราเจอกันยังไง เราคุยกันเรื่องอะไร ถูกคอกันได้ยังไง แต่ตอนหลังก็เหมือนที่ผมบอกว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง พอเวลามันเดินไปด้วยกัน คนก็เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่อะไรที่ฉาบฉวยแรกๆ คนเขาอาจไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปได้ยังไง แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่เป็นไปไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ผมกับน้องคุยกันตลอด ว่าเราไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงกับใครหรอก เขาถามอะไรมาเราก็ตอบ เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ที่คนเขาวิจารณ์ก็แค่ในข่าว ในอินเทอร์เน็ต ผมก็ไม่ได้ไปสนใจมากเพราะผมเจอสิ่งเหล่านี้มาทั้งชีวิตแล้ว”ตลอดการพูดคุยที่ผ่านมาเรารู้สึกว่า ขันเงิน กังวลเรื่องความรัก “เพราะตอนแรกๆ คนให้กำลังใจน้อยมากไง (หัวเราะ) ท้อบ้างว่าทำไมเรามันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งตัวเราเองเราก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนดี แต่เราก็ไม่ได้แย่อะไรมาก แต่ ณ ตอนนี้โอเคแล้วเห็นว่าอีก 2 ปีจะแต่งงานกันแล้ว “ครับ ตอนนี้ก็ขอทำงานกันให้เต็มที่ ลุยงานกันก่อน เราสองคนทำงานเยอะมาก น้องเองเยอะกว่าผมอีก เราก็เลยคิดกันว่าถ้าแต่งงานแล้วเราต้องมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้มั้ย แต่ ณ ตอนนี้เราโอเคกับมัน เข้าใจกัน มีความสุข ซัพพอร์ตซึ่งกันและกันไม่ว่าจะทำอะไร ถือว่าอยู่ในขั้นที่ดีมาก รอแค่เวลาพอเหมาะที่จะคิดเรื่องแต่งงานแต่ไม่น่าจะเกิน 2 ปีนี้ครับ เดี๋ยวจะแก่ก่อน (หัวเราะ)”บางครั้งมองศิลปินดาราลองใช้ใจมองพวกเขาให้เลยออกมานอกกรอบจอสี่เหลี่ยมดูบ้าง บางทีคุณอาจจะได้พบตัวตนที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกมา“อย่ายึดติด” คำนี้ของ “ขันเงิน เนื้อนวล” เป็นคำตอบของทุกสิ่งจริงๆ ....หวังว่าโพสนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอ่านนะคับ

1 ความคิดเห็น: