วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5 ดาราชายที่เลิกแอ๊บแมน เปิดตัวเป็นเกย์

ในปี 2556 ที่ผ่านมานั้นมีดาราหลายคนสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวว่ามีรสนิยมชอบเพศเดียวกันหลังจากที่แอ๊บแมนกันมานานจนทนไม่ไหวลุกขึ้นมาโอเพนนิ่งเปิดตัวกันไปเต็มๆ  แต่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดเรามาดูกันดีกว่าว่าเป็นใครบ้าง
อันดับที่ 1  อ๊อฟ  ปองศักดิ์  
ที่แรกๆ หลายคนก็สงสัยตั้งแต่มาประกวดเวทีทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย ปี 1 แต่ตอนนั้นเพราะด้วยหน้าที่การงานก็เลยยังไม่กล้าเปิดตัวมาก แต่พอมาอัลบัมหลังๆ สงสัยว่าอ๊อฟคงไม่ไหวแล้วก็เลยแต่งหญิงเปิดตัวในอินสตาแกรมกันไปเลยจ้า จากนั้นนางก็มีความสุขลั๊นลา แต่ก็ไม่วายมีข่าวฟ้องร้องกับอดีตแฟนหนุ่มเรื่องเงินๆ ทองๆ จนต้องขึ้นศาลกันเลยทีเดียว  แต่อ๊อฟก็บอกว่าไม่เข็ดกับความรักและผู้ชายยังคงเดินหน้าตามหารักแท้ต่อไป

อันดับที่ 2 วู๊ดดี้  มิลินทจินดา 
พิธีกรฝีปากกล้าแถวหน้าของเมืองไทย  ที่หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่ยอมเปิดตัวสักที  ทั้งๆ ที่ชอบเจาะลึกชีวิตชาวบ้านคนอื่นซะเป็นประจำ  แต่เรื่องของตัวเองกลับปิดเงียบสุดๆ  แต่ก็ไม่วายมาพูดเป็นปริศนาเล็กๆ ผ่านไมค์รายการไนน์เอ็นเตอร์ครั้งแรกว่า “เป็นอะไรที่คนในวงการรู้อยู่แล้ว แต่คงไม่ถึงขั้นแต่งงาน เพราะความรักครั้งนี้มีความสุขและยิ่งมีความสุข เมื่อได้อยู่กับเขา ส่วนประเด็นที่ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย  ก็เอาเป็นว่าคงไม่ต้องไปลงลึกกับรายละเอียดตรงนั้น เพราะผมคิดว่าทุกๆคนในวงการก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว ก็คือครอบครัว พ่อแม่ รับทราบและยอมรับก็พอ เค้าเป็นคนที่น่ารัก ที่เราคิดว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยนานๆ '  โอเคร  พูดแบบนี้ก็เคลียร์หมด..จบนะ
อันดับที่ 3 เบน ชลาทิศ 
รายนี้ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายเพราะเจ๊เบนก็ปิดเงียบมานานหลายสิบปี  แต่ความลับมาแตกก็ตอนที่มีภาพหลุดกับแฟนหนุ่มหนุ่มจ้ำม่ำ แบบแนบชิดสนิทกาย  ก็เลยต้องเปิดตัวกันแบบน่ารักๆ  แถมยังมีการหยอดอีกว่ารักกันมานานไม่เคยคิดจะปิดบังแต่แฟนเพลงไม่รู้เอง 5555  ตอนนี้ก็เลยวางแผนที่จะเอาเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกอีกต่างหาก  สร้างครอบครัวกันไปเลยจ้า
 อันดับที่ 4 มนต์สิทธิ์  คำสร้อย  
เป็นอะไรที่ช็อควงการลูกทุ่งมากๆ  เพราะจากเจ้าของเพลงฮิต สั่งนาง และ จดหมายผิดซอง  กลับกลายมาเป็นเกย์ในวัยดึกซะได้  แถมก่อนหน้านี้ก็เคยมีลูกมีเมียแล้วด้วย โดยทาง มนต์สิทธิ์ คำสร้อย เองก็มีแฟนที่เป็นผู้หญิงอยู่ด้วย และทางฝ่าย คุณธนกร ก็มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่พรหมลิขิตให้ทั้งคู่มาคลิกกัน เจอหน้ากันทีเป็นต้องเข้ามาหอมและกอด ถ้าไม่เจอกัน 3 วันแทบจะทนไม่ได้ เรียกว่าขาดกันไม่ได้ และแน่นอนตายแทนกันได้เลยทีเดียว โดยทางด้าน มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ยังกล่าวอีกด้วยว่า 'ทุกวันนี้ยังงงอยู่ว่าเราอาจจะเป็นตุ๊ดโดยไม่รู้ตัว'  แต่เมื่อวันหนึ่งเจอรักแท้จากคนเพศเดียวกันมนต์สิทธิ์ถึงกับประกาศออกสื่อว่าจะรักกันไปจนตายกับผู้ชายคนนี้  ไม่รู้ว่าป่านนี้บรรดาแม่ยกทำใจได้หรือยังเนี่ย
 อันดับที่ 5  ดีเจอ๋อง 
คนนี้อดีตนักร้องวงมะลิ  “อ๋อง เขมรัชต์ สุนทรนนท์”  ที่ผันมาเอาดีด้านเป็นดีเจ คนนี้ก็ทำเอาแฟนคลับงงไม่แพ้กัน แต่วันหนึ่งก็ทนแอ๊บแมนไม่ไหวเลยเปิดตัวพร้อมแฟนหนุ่มที่คบกันมายาวนานกว่า 7 ปีเต็มแถมยังสวีทกันมากๆ ด้วยล่ะ  ตอนนี้ก็ห่วงแค่เรื่องของทางบ้านจะทำใจยอมรับได้ไหมเท่านั้นเอง
ปี 2557 เราก็ต้องตามลุ้นชีวิตดาราชายว่าจะมีใครกล้าออกมาเปิดตัวว่าเป็นเกย์กันอีกนะ

10 เมนูอันตรายเสี่ยงท้องร่วงช่วงหน้าร้อน

เผย 10 เมนูอันตรายเสี่ยงโรคท้องร่วง กรมควบคุมโรคแนะหลีกเลี่ยงช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะ 12จังหวัดที่ ปภ.ประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้ง หวั่นเกิดระบาดโรคทางเดินอาหารและน้ำ หลังพบสถิติต้นปีมีผู้ป่วยท้องร่วงแล้วเกือบ 2 แสนราย วอนหน่วยงาน ร้านอาหาร และประชาชน ร่วมป้องกัน</
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้ง 12 จังหวัด รวม 94 อำเภอ ได้แก่ กาฬสินธุ์ สกลนคร อุดรธานี
  บึงกาฬ มุกดาหาร หนองคาย หนองบัวลำภู มหาสารคาม ยโสธร อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด และนครพนม ซึ่งจากสภาพความแห้งแล้งทำให้ขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค ประกอบกับช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงการระบาดของโรคทางเดินอาหารและน้ำ ได้แก่ อหิวาตกโรค โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ เป็นต้น จึงยิ่งเสี่ยงต่อการระบาดสูงขึ้น ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังโรคอุจจาระร่วง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 10 มี.ค. 2556 พบผู้ป่วย 191,515 ราย จาก 77 จังหวัด เสียชีวิต 1 ราย พบผู้หญิงป่วยมากกว่าผู้ชาย ในอัตราส่วน 1.28 ต่อ 1 รวมทั้งพบผู้ป่วยมากในผู้สูงอายุเกิน 65 ปี เด็กอายุ 1 ปี เนื่องจากคน 2 กลุ่มนี้มีภูมิต้านทานต่อโรคต่ำ นอกจากนี้พบผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารและน้ำมากในกลุ่มอายุ 15-24 ปี
นพ.พรเทพกล่าวอีกว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันโรค ร้านอาหาร และร้านค้าที่เกี่ยวข้องกับอาหารและน้ำ เพิ่มความระมัดระวังความสะอาดของอาหารและน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่ความสะอาดของอาหาร ภาชนะใส่อาหาร การเก็บอาหารต้องไม่ใส่ของสุกของดิบปนกัน โดยเฉพาะน้ำแข็งไม่ให้แช่เนื้อสัตว์ ผัก ในน้ำแข็งที่จะนำมารับประทาน ผู้ปรุงอาหารต้องล้างมือ ก่อนปรุงอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ ส่วนผู้บริโภคอาหารต้องยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ กล่าวคือ ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่มีแมลงวันตอม ถ้ารับประทานอาหารร่วมกัน ควรมีช้อนกลางตักอาหาร และล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าส้วมด้วยสบู่
นพ.พรเทพกล่าวด้วยว่า ส่วน 10 เมนูฮิตที่มักทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ได้แก่ 1. ลาบ/ก้อย เช่น ลาบหมู ก้อยปลาดิบ 2. ยำกุ้งเต้น 3. ยำหอยแครง 4. ข้าวผัดโรยเนื้อปู โดยเฉพาะกรณีทำในปริมาณมาก เช่น อาหารกล่องแจกนักเรียน หรือคณะท่องเที่ยว 5. อาหาร/ขนม ที่ราดด้วยกะทิ 6. ขนมจีน 7. ข้าวมันไก่ 8. ส้มตำ 9. สลัดผัก และ 10. น้ำแข็ง เมนูเหล่านี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะจะบูดง่าย สำหรับเมนูอื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทานอาหารค้างมื้อและเลี่ยงอาหารปรุงสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะน้ำแข็ง ผู้บริโภคควรเลือกซื้ออย่างระมัดระวัง ในน้ำแข็งหลอดที่บรรจุถุง ควรสังเกตรายละเอียดบนฉลากให้ครบถ้วน เช่น เครื่องหมาย อย. วันเดือนปีผลิตหรือวันหมดอายุ ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต และข้อความว่า “น้ำแข็งใช้รับประทานได้” ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน ส่วนน้ำแข็งหลอดที่ตักแบ่งขายหรือเสิร์ฟตามร้านอาหาร จะเป็นน้ำแข็งที่จำหน่ายโดยไม่ต้องมีฉลาก ดังนั้น ผู้บริโภคควรสังเกตน้ำแข็ง สถานที่เก็บรักษา ภาชนะที่บรรจุต้องสะอาดไม่มีการปนเปื้อน นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดและผู้เกี่ยวข้องควรตรวจสอบ ตรวจทานกับผู้ผลิตโรงงานน้ำแข็ง ให้มีมาตรฐานในการดำเนินการผลิตน้ำแข็ง ถ้าผลิตไม่ถูกต้องมีการปนเปื้อน เชื้อโรคจะสามารถแพร่กระจายโรคไปสู่ประชาชนได้อย่างกว้างขวาง
“หากมีผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงไม่ควรให้ยาระงับการถ่ายอุจจาระ โดยส่วนใหญ่อุจจาระร่วงจะหายเองได้ภายใน 2-3 และรับประทานอาหารเหลวให้มากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ เช่น น้ำข้าว โจ๊ก น้ำแกงจืด สารละลายน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส โดยให้รับประทานมากเท่าที่ต้องการ หรือรับประทานทุกครั้งที่ถ่ายเหลว ถ้าเป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ให้ทานโออาร์เอส ครั้งละ ¼ แก้ว-ครึ่งแก้ว และเพื่อป้องกันการขาดอาหารในเด็กให้เริ่มอาหารหลังรับประทานโออาร์เอสไปแล้ว 4 ชั่วโมง ถ้าเด็กยังทานนมแม่ต้องให้ดูดนมบ่อยขึ้นหากไม่ได้ทานนมแม่ให้ป้อนกล้วยน้ำว้าสุกหรือน้ำมะพร้าว เพื่อเพิ่มธาตุโปแตสเซียม พยายามให้กินอาหารเหลวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้และถ้ารักษาเบื้องต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น เช่น อาเจียน ถ่ายบ่อยทุก 2 ชั่วโมง อ่อนเพลีย มีไข้ กินอาหารไม่ได้ ตาลึกโหล รีบนำส่งแพทย์” อธิบดี คร.กล่า

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

13 พฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ชายที่ไม่ควรเอามาเป็นแฟน

13 พฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ชายที่ไม่ควรเอามาเป็นแฟน


วันนี้ทีนเอ็มไทยมี 13 พฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ชายที่ไม่ควรเอามาเป็นแฟน มาฝากเพื่อนๆ สำรวจกันก่อนจะเข้าไปจีบสาวๆ ยิ่งหนุ่มๆ ทั้งหลายควรจะอ่านเป็นอย่างยิ่ง ว่าผู้หญิงนั้นไม่ชอบผู้ชายประเภทไหน จะได้ทำตัวกันถูกนะจ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่าแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษตอนจีบหรือช่วงโปรฯ นะ แบบนี้ก็ไม่โอเค! ความจริงใจนั่นแหละดีที่สุดแล้ว แต่ถ้ารู้ว่าเรานิสัยแย่เกินกว่าผู้หญิงจะรับได้ก็ควรปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองจะดีกว่า ก่อนที่จะไม่มีใครเอานะเออออ …
13 พฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ชายที่ไม่ควรเอามาเป็นแฟน

13 พฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ชายที่ไม่ควรเอามาเป็นแฟน

ทำตัวเป็นกูรู อวดรู้ตลอดเวลา
ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกน่ะ จะทนฟังคุณพล่ามเรื่องที่เธอไม่สนใจ หรือเรื่องที่ทำให้ดูเป็นคนอวดรู้ได้ตลอดเวลา จริงอยู่ว่าผู้หญิงชอบคนฉลาด แต่ไม่ได้ชอบคนทำตัวเป็นกูรูไปซะทุกเรื่อง เพราะผู้ชายบางคนชอบทำตัวเหมือนตัวเองคูล โดยการพูดแต่เรื่องที่ตัวเองรู้ ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเองหรือเรื่องยิบย่อยต่างๆ คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงชอบคนฉลาดคุยสนุกก็จริง แต่ไมได้ชอบคนขี้คุยนะจ๊ะ และการที่จะทำให้เธอเพลิดเพลินไปกับเรื่องเล่าของคุณได้ คือต้องเป็นเรื่องที่สนใจร่วมกัน
ขี้อวดเกินไป
เวลาหนุ่มๆ มาจีบสาวเนี่ยบางคนชอบเอารวยเข้าข่ม แต่จะบอกให้นะว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นนิสัยเสียต้นๆ เลยที่สาวๆ อี๋ เพราะวิธีจีบหญิงมันมีมากมายร้อยแปดไม่จำเป็นเลยที่ว่าต้องมาอวดรวยให้คนฟังกระอักกระอ่วน ไม่ว่าจะอวดฐานะ อวดรวย อวดตำแหน่ง อวดหมา อวดแมว หรืออวดอะไรก็แล้วแต่ บอกเลยสาวๆ หน่ะไม่มีใครปลื้มคนแบบนี้หรอก
โชว์ความฮอตโดยการบอกว่าตัวเองมีสาวชอบเยอะ
วิธีแย่ๆ แบบนี้ใครบอกว่าเท่? นี่ขอถามแบบจริงจัง ขอบอกเลยว่าไม่เท่อย่างแรง นอกจากสาวจะมองว่าไม่น่าสนใจมากๆ แล้ว คุณยังดูเหมือนคนเรียกร้องความสนใจ และยังดูมีปมด้อยหน่อยๆ เหมือนไม่เคยมีคนมาชอบ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ยังไงก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดเอาเสียเลย นอกจากจะพาลไม่อยากคุยด้วยแล้วยังน่าหัวเราะอีกด้วยนะ
แตะเนื้อต้องตัว ชอบแต๊ะอั๋ง
เราเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนไม่ชอบแน่นอน กับการที่ผู้ชายไม่ให้เกียรติ ชอบแตะเนื้อต้องตัว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือฉวยโอกาส หรือจะมามุกดูดวงแอบจับมือแบบเนียนๆ หรือจะมามุกไหนก็แล้วแต่ มันช่างเป็นวิธีที่สิ้นคิด และไม่ให้เกียรติสุภาพสตรีเลย นอกจากผู้หญิงจะอี๋แล้วพวกเธอยังมองว่าคุณไร้วัฒนธรรมอีกด้วย!!
พูดแบบไม่คิด 
ก่อนที่คุณจะพูดอะไรออกไปควรคิดก่อนทุกครั้ง เพราะบางคำพูดอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือทำให้เธอรู้สึกเสียใจได้ ที่สำคัญไม่ควรซุบซิบนินทาเพื่อนร่วมงานครอบครัว หรือเพื่อนของคุณให้เธอฟัง เนื่องจากเป็นการไม่ให้เกียรติพวกเขาอย่างมาก และทำให้เธอไม่มั่นใจในตัวคุณด้วย อย่าลืมว่าคำพูดเป็นสิ่งที่เมื่อพูดออกไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ เช่นเดียวกับความรู้สึก
ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
สำหรับผู้ชายที่ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ไม่มีความทะเยอทะยาน หรือเป้าหมายชีวิตใด ๆ ทั้งสิ้นคงไม่อาจชนะใจเธอได้ เพราะหากคบไปคงไม่ได้ทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น และอาจจะแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่ และคิดได้ว่าคุณไม่สามารถจะปกป้องและดูแลเธอได้ คงจะดีกว่าหากผู้ชายคนนั้นมีความทะเยอทะยาน มีเป้าหมายในชีวิต และทำความรักของพวกคุณดีขึ้นเรื่อย ๆ
i don't give a fuck!
ไม่เป็นสุภาพบุรุษ
การแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษสามารถเอาชนะใจผู้หญิงมาเยอะแล้ว เพราะแสดงให้เธอเห็นว่าคุณดูแล และใส่ใจให้ความสำคัญกับเธอ ถึงแม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น เปิดประตู หรือเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งก่อนก็ตาม อีกทั้งยังทำให้เธอรู้ว่าเป็นพิเศษที่สุดสำหรับคุณด้วย
ใจเร็วเกินไป
อย่างเช่น คุยกันไม่กี่วันก็ขอเป็นแฟน ขอแต่งงาน หรือพูดถึงเรื่องอนาคตของพวกคุณแล้ว ซึ่งมันทำให้คุณดูเป็นผู้ชายใจง่ายตัดสินใจเร็วไปหน่อย ที่สำคัญยังสร้างความลำบากให้กับผู้หญิงอีกด้วย เพราะเธออาจต้องการเวลาศึกษานิสัยใจคอของคุณอีกสักพักให้แน่ใจเสียก่อนแล้วค่อยตกลงปลงใจกับคุณ ทั้งนี้หากตัดสินใจคบไปแล้ว แต่กลับพบว่าพวกคุณเข้ากันไม่ได้ คงทำให้คุณเสียใจไม่น้อยเลย
จอมอันธพาล
ถึงแม้คุณจะตัวใหญ่กว่าหรือแข็งแรงกว่า คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปรังแกหรือเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นได้ การไปข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า ไม่ได้ทำให้ดูเก่งขึ้นมาหรอกนะ แถมยังทำให้ไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งด้วยอีกต่างหาก คนจะเก่ง ๆ ที่สมอง ไม่ใช่กำลัง
นักโกหกตัวยง
ไม่ว่าจะกับใครก็ตามแต่ โกหกไปซะหมด ไม่มีใครหน้าไหนเค้าอยากจะคบค้าสมาคมกับคนนิสัยแบบนี้หรอกนะ เพราะไม่มีใครเชื่อสิ่งที่คุณพูดแล้วอีกต่อไปแล้ว หรือบางครั้งบางคราวก็หลอกตัวเองอยู่ด้วยน่ะสิ
 โทษคนอื่นเสมอ ไม่เคยเอ่ยคำ “ขอโทษ” เลยสักครั้ง แม้ว่าคุณนั้นแหละผิด!
ลูกผู้ชายที่แท้จริงกล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ เรามันก็แค่มนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ย่อมต้องมีผิดพลาดบ้างอะไรบ้างไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าจะแปลกก็ตรงที่ทำผิดแล้วไปโยนความผิดหรือใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นนี่แหละ ทำเพื่อ? จะดีจะชั่วก็รู้อยู่เต็มอก ยกมือยอมรับผิดเท่กว่าเยอะ ไม่เคยเอ่ยคำ “ขอโทษ” เลยสักครั้ง แม้ว่าคุณนั้นแหละผิด! คำขอโทษ ไม่ได้ทำให้คุณเสียเชิงชายซะหน่อย ถ้าทำผิดก็ยอมรับผิด พร้อมกล่าวคำขอโทษแบบด้วยจริงใจและพยายามแก้ไขสิ่งที่ทำพลาด เพื่อให้เธอเห็นว่าคุณรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป เพียงเท่านี้เรื่องมันก็จบแล้ว
นิสัยขี้นินทา
ไม่ว่าจะนินทาเจ้านาย เพื่อน หรือแม้กระทั่งแฟนสาวของตัวเอง! นี้ไม่ใช่นิสัยของคนที่เป็น “ผู้ชาย” จริง ๆ หรอกนะ คุณไม่ควรพูดเน้นย้ำความล้มเหลวหรือจุดอ่อนของคนอื่น เพียงเพราะต้องการจะฉุดเขาให้ลงมา เพื่อตัวเองจะได้ก้าวขึ้นไปแทน
 ปล่อยให้คู่เดทจ่ายค่าอาหารแทน
เป็นอะไรที่ทำให้สาว ๆ อึ้งเอาอยู่เหมือนกัน หากคุณปล่อยให้เธอเลี้ยงข้าวแทน อย่างน้อยก็ช่วยเธอจ่ายบ้างหรือไม่ก็ยึดอกยื่นบัตรเครดิตจ่ายให้เธอสิ คิดจะจีบสาวก็ต้องลงทุนกันบ้าง
ขอบคุณข้อมูล guru.google.co.th,shost.rmutp.ac.thtunwalai.com

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

10 เรื่องทำเซ็กซ์...ล่ม

10 เรื่องทำเซ็กซ์...ล่ม

โดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข

แม้เรื่องเซ็กซ์ เป็นกิจกรรมเสี้ยวหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่ก็มีความสำคัญ มาลองดูปัญหา 10 เรื่องที่ทำให้เซ็กซ์เซ็ง เพื่อไม่ให้เซ็กซ์สะดุดหรือล่มกลางคันกันนะคะ

1.ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง
อย่าคิดว่ากลิ่นไม่เป็นปัญหานะคะ คุณผู้หญิงหลายท่านบอกว่า มีสัมพันธ์รักกับแฟนทีไร กลิ่นโชยเหม็นออกมา ทำให้เซ็กซ์สะดุดกลางคัน
กลิ่นเหม็นในช่องคลอด ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มของแบคทีเรียตัวร้าย ส่วนน้อยเป็นเนื้องอกหรือโรคมะเร็ง เป็นอาการที่บ่งบอกว่าต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายในโดยรีบด่วนค่ะ เพื่อวินิจฉัยโรคและรักษาสาเหตุ หากกำจัดสาเหตุได้ กลิ่นเหม็นก็จะไม่เป็นปัญหาทำให้เซ็กซ์สะดุดอีกต่อไปค่ะ


2.ฝ่ายหญิงเจ็บปวดเวลามีเซ็กซ์
หลายคู่ต้องหยุดสัมพันธ์รักกลางคัน เพราะฝ่ายหญิงเกิดความเจ็บปวด
  • หากเจ็บปวดบริเวณภายนอก ควรตรวจดูว่ามีการอักเสบ หรือเริมที่ผิวหนังหรือไม่
  • หากเจ็บปวดในช่องคลอด ส่วนใหญ่เป็นช่องคลอด หรือปากมดลูกอักเสบ
  • หากเจ็บปวดลึกๆ ในช่องท้อง ส่วนใหญ่เป็นเพราะพยาธิสภาพที่มดลูกหรือปีกมดลูก เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ช็อกโกแลตซีสต์ เนื้องอกมดลูก กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ฯลฯ
อาการเจ็บปวดเวลามีเซ็กซ์ ถือว่าผิดปกติ หากเป็นทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ควรพบสูติ-นรีแพทย์ค่ะ

3.ฝ่ายหญิงมีเลือดออกเวลามีเซ็กซ์
ยกเว้นเลือดออกเล็กน้อยในการมีเซ็กซ์ ครั้งแรก นอกนั้นถือว่าเป็นอาการที่รุนแรงควรไปพบสูติ-นรีแพทย์อย่างรีบด่วน เพราะแสดงว่าภายในอาจมีแผลการอักเสบ เนื้องอกปากมดลูก หรือที่ร้ายแรงมากคือมะเร็งปากมดลูกค่ะ


4.น้ำหล่อลื่นมากเวลามีเซ็กซ์
อย่าคิดว่าน้ำมากไม่สำคัญ ฝ่ายชายบ้างท่านวิจารณ์ว่าเหมือนขับเรือไปในอ่าวไทยอันเวิ้งว้าง น้ำมากเกินไปนั้นส่วนใหญ่ เป็นผลจากการเล้าโลมมากไป หรือคุณผู้หญิงบางท่านมีตกขาวผิดปกติมากเกินไป หากเป็นเพราะประการหลังควรไปพบสูติ-นรีแพทย์อีกเช่นกันค่ะ


5.น้ำหล่อลื่นน้อย
น้ำน้อยเป็นปัญหามาก เพราะทำให้รักสะดุดสิ้นสุดด้วยความเจ็บแสบอวัยวะของทั้ง 2ฝ่าย น้ำน้อยมักเกิดจากโลมเล้าไม่เพียงพอ มีเรื่องเครียด ไม่พร้อมที่จะมีเซ็กซ์ หรืออยู่ในวัยทอง ฮอร์โมนเพศลด บางปัญหาอาจจับเข่าคุยกับสามีได้ บางปัญหาอาจใช้น้ำหล่อลื่นเทียมทดแทนได้ แต่บางปัญหาที่แก้ไม่ได้ เช่นใช้น้ำหล่อลื่นเทียมช่องคลอดก็ยังแห้งเจ็บแสบ ก็ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์นะคะ


6.อวัยวะเพศไม่แข็งตัว (อีดี)
ความเครียดและโรคภัยในปัจจุบันทำให้คุณ ผู้ชายเป็นอีดีมากขึ้น ชายอเมริกันร้อยละ 30 เป็นโรคนี้ ชายไทยก็ไม่น้อยหน้า ประมาณว่า 2 ใน 3 คน ของผู้ชายอายุ 40 ปี เป็นโรคนี้ และมีชายไทยจำนวนทั้งประเทศเป็นอีดีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน
ภาวะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า ฮอร์โมนเพศชายลดในวัยทอง ส่วนน้อยเป็นโรค และผลจากยารักษาโรค เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคต่อมลูกหมากโต โรคมะเร็ง เป็นต้น หากเป็นเกินร้อยละ 50 ของการมีเซ็กซ์ ควรไปพบแพทย์ศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษา


7.เจ็บแสบช่องคลอดและรูปัสสาวะ
ภาวะนี้ทำให้เซ็กซ์สะดุด ไปไม่ตลอดรอดฝั่ง หรือจบด้วยความเจ็บปวด สาเหตุส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อรา ส่วนน้อยเป็นเพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ฯลฯ ภาวะแบบนี้ ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์ค่ะ


8.คุณผู้หญิงไม่มีอารมณ์เพศ
พบได้ถึงร้อยละ 40 ของคุณผู้หญิง สาเหตุคล้ายการเกิดอีดีในฝ่ายชาย เป็นเพราะความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า วัยทอง ส่วนน้อยเป็นโรค และผลจากยารักษาโรค เช่นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง เป็นต้น
หากเป็นเพราะยา ควรเปลี่ยนยา หากหาสาเหตุไม่ได้ ควรพบจิตแพทย์ และสูติ-นรีแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพื่อแก้ไข


9.ไม่ถึงจุดสุดยอด
ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ภาวะนี้มักเกิดจากปัญหาทางจิตใจ เช่น เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า วัยทอง น้อยรายเป็นปัญหาของระบบประสาทสมอง บางคนติดการช่วยตนเอง จนไม่ถึงจุดสุดยอดเมื่อมีเซ็กซ์กับคู่ของตน ภาวะนี้จะรักษาก็ต่อเมื่อคิดว่าเป็นปัญหา เพราะบางคนไม่ถือว่าเป็นปัญหา บางรายมีความสุขจากการสัมผัส บางรายสามารถช่วยตนเองให้ถึงฝั่งฝันได้ฯลฯ


10.ฝ่ายชายฝังมุก หรือฉีดเจ้าโลก
เคยถามคุณผู้ชายที่ฝังมุก หรือฉีดอวัยวะเพศให้ดูใหญ่ว่า ทำไปทำไม เขาตอบว่า ทำให้ฝ่ายหญิงมีความสุขมากขึ้น อันที่จริงแล้ว การกระทำทั้ง 2 อย่าง อาจทำให้ช่องคลอดอักเสบ มีเพศสัมพันธ์ที่เจ็บปวด ทำให้เซ็กซ์กลายเป็นเรื่องเจ็บปวดทุกข์ทรมานสำหรับฝ่ายหญิง มีคุณผู้หญิงหลายท่านมาบ่นเรื่องนี้ และให้ดิฉันคุยกับสามีของเธอ เพื่อเอามุกออก หรือแก้ไขเจ้าโลกให้กลับคืนปกติ เรื่องอย่างนี้คิดเอาฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกค่ะ

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

PINCH HITTERS: TOP 10 INGREDIENT SUBSTITUTES

You crawl out of bed bright and early and make your way to the kitchen, ready to whip up those delicious buttermilk pancakes you promised. You’ve already cracked the eggs into the bowl when you realize that you’re out of buttermilk. Nooooo! Now you have to get out of those comfy jammies and run to the store…
Getting caught without an essential ingredient mid-recipe? Happens to all of us. Don’t panic yet! We can help. These common ingredient substitutions will let you continue through that recipe without anyone being the wiser.
  1. BUTTERMILK: Continue as planned with those pancakes (or biscuits or salad dressing). You can replace the buttermilk with regular milk, but you have to do a little prep work first. When you combine your wet and dry ingredients for pancakes, that little bit of baking soda mixes with the lactic acid in buttermilk, and the reaction releases carbon dioxide. This results in tiny bubbles, making your pancakes light and fluffy. Milk is less acidic than buttermilk, so before you can sub it in, you’ve got to sour it. In a PYREX 1-CUP MEASURING CUP, add 1 tablespoon of fresh lemon juice or white vinegar, then fill with milk to the 1-cup line. Stir and let sit for 5 minutes, and voilà! Thanks to the extra acid, your milk has curdled and is ready to be added to your recipe.
  2. SHORTENING: This is an easy one. Just use butter or margarine instead. Tip: If you use margarine, use 1/2 teaspoon less salt in your recipe.
  3. VEGETABLE OIL: Even if you aren’t out of oil, applesauce makes a great healthy substitute when you’re baking since it’s lower in fat than oil. This one seems a bit strange, so why does it work? The role of oil in baking is to coat the flour and keep it from combining with water. This keeps gluten from developing and making your dough tough and chewy. Applesauce contains pectin, which is another ingredient that can inhibit gluten development. This works well for most cakes and other baked goods, but it isn’t a perfectly even switch. You’ll likely end up with a texture that is more moist. Also, you may want to decrease the amount of sugar in your recipe, even if you’re using unsweetened applesauce.
  4. VINEGAR: Bottled (not fresh) lemon or lime juice are simple options to replace vinegar (and vice versa). Use whichever you have handy, as the three are fairly interchangeable, but be aware that flavor is the biggest differentiator.
  5. SOUR CREAM: An equal amount of plain yogurt is the easiest solution to this problem. Don’t have that either? Try 1 tablespoon lemon juice or vinegar plus enough cream to make 1 cup. Alternatively, 3/4 cup buttermilk mixed with 1/3 cup butter will do the trick, too.
  6. ALCOHOL: Cooking with beer, wine or liqueur can add new flavors and complexity to your recipe. But what if you’re out, or simply don’t want to use alcohol as an ingredient? Here are a few quick and easy swaps:
    - For beer, use chicken or beef broth, or soda water for a beer batter.
    - For red wine, use red wine vinegar diluted with water or grape juice with a little red wine vinegar added.
    - For white wine, use diluted white wine vinegar or white grape juice with a little lemon juice or white vinegar mixed in.
    - For sherry or brandy, use fresh OJ or frozen (thawed) orange juice concentrate.
    - For liqueurs, use a combination of an extract that’s closely related flavor-wise, and a bit of spice.
  7. BREAD CRUMBS: Cracker crumbs, matzo meal or ground oats will perform the same task but allow you to add a little variety to your menu. Each of these will give you a distinctly different texture, so do some experimenting to find out which tasty alternative makes your recipes the most irresistible. Not sure which recipe to test out first? Give our Crunchy Topped Meat Loaf a go!
  8. EGGS: There are almost as many substitutes for eggs as there are reasons you might want to use them. If you’re peering into an empty carton, 2-1/2 tablespoons of powdered egg substitute plus 2-1/2 tablespoons water, or 1/4 cup liquid egg substitute will work just as well. If you want to get rid of the egg altogether, 1/4 cup pureed silken tofu is a good option. You can also use 3 tablespoons mayonnaise, half a banana mashed with 1/2 teaspoon baking powder or 1 tablespoon powdered flaxseed soaked in 3 tablespoons water.
  9. HONEY: Fresh out? Give it some sugar. Use 1-1/4 cups white sugar plus 1/3 cup water. You can also try 1 cup of light corn syrup.
  10. BROWN SUGAR: One more sweet solution: Mix 1 tablespoon molasses with enough white or raw sugar to make 1 cup.

TIPS FROM THE EXPERTS

  • SPACE MATTERS: The generously sized PYREX 2-CUP MEASURING CUP and the versatile PYREX 3-PIECE MIXING BOWL SET give you room to mix and make your subs, helping you avoid spilling and slopping.
  • TRADING SPICES: You might think that one little 1/2 teaspoon of cinnamon doesn’t really matter, but don’t just skimp on flavor just ’cause you’re out of a specific spice. Learn more about how to sub for different seasoningsHERE.
  • CHEAT SHEET: Print this out or write it down and keep it handy. It’ll help you keep on cookin’ and no one will even know you almost missed a step!
These (and other) easy swaps can spare the dish and save your day, but it’s always worth it to do your own research and experimentation. You may find an even better or more flavorful replacement…and it could only take a tweak or two to turn something into your new specialty!

Crazy health tricks that really work

Crazy health tricks that really work

Many methods to improve your health are pretty straightforward: to lose weight, eat less and exercise more; to boost your energy, get more sleep; to prevent dehydration, drink more water. Others, however, are totally counterintuitive. The following 12 tips really do work—but they may leave you scratching your head
.

10 นิสัย ที่คนเป็นแฟนกัน "รังเกียจ"

10 นิสัย ที่คนเป็นแฟนกัน "รังเกียจ"

ไม่มีใครดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง บางครั้งการเป็น 'คนดีที่อยู่คนเดียว' ก็ไม่มีความหมายในพจนานุกรม ฉะนั้นจงเป็นเจ้าของนิสัยที่ดีเคียงคู่กันตลอดไปจะดีกว่า...
10 นิสัย ที่คนเป็นแฟนกัน "รังเกียจ"
อันดับ 10: เอาแต่ใจตัวเอง 
ไม่มีใครหรอกที่จะเอาแต่ใจคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว แต่การเอาใจตัวเองก็ควรจะมีลิมิต ไม่งั้นชีวิตรักจะสั่นคลอนเอาได้ง่ายๆ
อันดับ 9: ทำตัวเป็นเจ้าของมากเกินไป 
เข้าใจว่าคุณอยากอยู่กับเธอตลอดเวลาที่คุณตื่น ไปไหนก็ไปด้วย ทำอะไรก็ทำด้วย แต่ความจริงที่คุณอาจหลงลืมไป นั่นคือ คนทุกคนต้องการเวลาส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น
อันดับ 8: หึงแบบไร้ขีดจำกัด 
ความหึงห้ามกันไม่ได้ และหนุ่มบางคนก็ไม่อยากให้แฟนตัวเองไปไหนกับเพื่อนเลย จะต้องโทรเช็คโทรหาอยู่ตลอดเวลา เวลามีเพื่อนชายมาพูดด้วยก็จะหึง จะหวง จะพาล อย่างนี้เขาเรียกว่าหึงจนน่ารำคาญ ระวังเธอจะไม่อยู่ให้คุณหึงนะ!!
อันดับ 7: เชื่อเพื่อนมากเกินไป 
ความหวังดีของเพื่อน อาจเป็นเพียงการปลอบใจ แต่คนที่รู้ปัญหา 'วงใน' จริงๆ ก็คือตัวคุณเองไม่ใช่หรือ? เพียงแต่เส้นผมอาจบังภูเขาอยู่ก็เท่านั้นเอง
อันดับ 6: นัดไม่เป็นนัด 
เธออาจรอคุณมาทั้งชีวิต(รอแม้กระทั่งวันที่คุณขอเธอแต่งงาน) แต่หนุ่มๆ ดันลืมคิดไปว่า เวลาก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเธอเช่นกัน จงจำไว้ให้ดีว่า "เธอ คือ สิ่งมีชีวิตที่ต้องการการเติบโตไปพร้อมกับคุณ เติบโตไปพร้อมกับเวลา และไม่ใช่ของตายของใคร"
อันดับ 5: พูดจาข่มต่อหน้าคนอื่น 
ข้อนี้ส่วนใหญ่ผู้ชายจะกระทำมากกว่าฝ่ายหญิง เพราะผู้ชายมักเติบโตมากับความเชื่อที่ว่า "ผู้ชายเก่งกว่า" แต่ถ้าคุณผู้หญิงโบกมือลา แล้วคุณผู้ชายจะกลายเป็นคนเก่งที่อยู่คนเดียว เอาไหมเล่า?
อันดับ 4: บอกเลิกทุกครั้งที่ทะเลาะกัน 
ที่พูดไป ก็เพราะว่าอยากทำให้อีกฝ่ายเสียใจ(แบบไม่มีเหตุผล)ใช่ไหม? หรือจะแสดงให้เห็นว่าคุณก็ไม่แคร์เธอ แต่ที่ทำไปก็อยากให้เธอให้ความสำคัญกับคุณก็เท่านั้นเอง!! วิธีนี้จะใช้ได้ผล ก็ในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่พอทำหลายๆ ครั้งเข้า ใคร๊! มันจะไปทนได้ เพราะอารมณ์กับความสัมพันธ์ช่างดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย 
อันดับ 3: โกรธแล้วไม่พูดด้วย
คุณคิดอย่าง เธอคิดอีกอย่าง เข้าใจกันไปคนละทิศละทาง เรื่องนี้ล่ะอันตรายที่สุด จากผลสำรวจระบุว่า"การเก็บงำ การไม่แชร์ความรู้สึก การไม่สื่อสารกัน" เป็นเหตุทำให้คู่รักเลิกกันได้มากที่สุด ข้อนี้ถ้ารักศักดิ์ศรีของตัวเองมากนัก หรือเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก ก็จงอย่าอยู่ร่วมกับคนอื่นเลยจะดีที่สุด
อันดับ 2: โกหก 
การโกหกบางครั้งก็มีข้อดีอยู่ เพราะความจริงที่พูดออกไปบางครั้งก็เป็นการทำร้าย แต่การโกหกจนไม่รู้ไหนจริงไหนเท็จ แม้แต่คนพูดเองก็ยังจำไม่ได้ ก็จงหยุดเสียเถอะ ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น เดี๋ยวจะหาว่า FHM ไม่เตือน...
อันดับ 1: ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่น 
คุณอาจนึกสนุก ลองใจกับเธอที่คุณรักให้ได้หึงดูบ้าง อยากจะ "เช็ก" ว่าคุณเองก็มีค่าในสายตาเธอ แต่คุณควรจะรู้ไว้บ้าง จากเหตุผลเดียวกัน นั่นก็คือ คุณไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลยสักนิด และถ้าเธอคิดจะไปเจ๊าะแจ๊ะกับหนุ่มอื่นดูบ้าง ก็อย่าเผลอไปโกรธเธอเข้าให้ล่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

The Brightness of the Sun

The Brightness of the Sun

It can be said thatno one prefers a life in darkness to a life with a bright future. Sometimes it is unavoidable that darkness comes into our lives, however,
we know that when tomorrow comes, all darkness will disappear.
With the presence of daylight,
we will gain hope and courage.
The light of the day will make things appear more vividly to us,
so we are not frightened by what we cannot see.
We can make the sun rise at night as well.
Just focus the mind at the center of our body
until the light glows within.
When this inner sun rises at the center of our body,
we will feel even happier than when we see the sun of the day.
 
The Sun of Peace
from the book : "At Last You Win"

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

10 เทคนิค เลิกขี้เกียจ


 
10 เทคนิคบอกลาความ "ขี้เกียจ" (สำหรับนักเรียน)
 

               1. กว่าจะตื่นนอนได้ เลื่อนนาฬิกาปลุกไปไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง
               2. แค่นึกถึงว่าพรุ่งนี้ต้องไปเรียน ก็ขี้เกียจแล้ว (นี่ง่ะ!!)
               3. ทำอะไรได้ไม่สม่ำเสมอ เช่น ซื้อเครื่องออกกำลังกายมาใหม่ ก็เล่นได้ 2 อาทิตย์แรกแล้วไม่แตะอีกเลย ซื้อครีมมาใหม่ วาดฝันไว้ว่าทาทุกวันแล้วต้องสวยขึ้นเหมือนฟ้าประทานมา ปรากฎว่าทาได้ 3 วันก็เลิกทาซะแล้ว


            ถ้ามีครบทั้ง 3 ข้อ ยินดีต้อนรับเข้าสู่กรุ๊ปคนขี้เกียจค่ะ ความขี้เกียจอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าขี้เกียจจนติดเป็นนิสัย ก็ส่งผลเสียตามมาได้มากมายเหมือนกัน เช่น ขี้เกียจอ่านหนังสือ ก็ทำให้สอบไม่ผ่าน, ขี้เกียจทำรายงาน ก็ทำให้รายงานเสร็จไม่ทันตามเวลา, ขี้เกียจดูแลตัวเอง เราเองก็จะดูแย่ลงในสายตาคนอื่น เป็นต้น วันนี้พี่มิ้นท์เลยขนวิธีแก้อาการขี้เกียจมาฝากน้องๆ ถึง 10 วิธีเลยทีเดียว ไปดูกันเถอะว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง

 
    1. หาที่พึ่งทางจิตใจ
          มาข้อแรก น้องๆ ถึงกับบอกแม่ให้เตรียมไข่ต้ม พวงมาลัย ม้าลายเลยทีเดียว จะบอกว่าไม่ใช่พึ่งพาทางจิตใจแบบนั้นค่ะ ในที่นี้ "ที่พึ่ง" ของน้องๆ ก็คือ "พ่อแม่" ที่เปรียบเสมือนพระในบ้านของเรานั่นเอง เวลาเรามีปัญหาด้านการเรียนหรืออื่นๆ เช่น อาจารย์สั่งงานเยอะมาก การบ้านยากมาก ทำไม่ได้ หรือ ทำงานไม่ทันเลย จนเรารู้สึกเครียด ท้อแท้ ไม่มีกำลังใจทำงานอื่นๆ จนพาลกลายเป็นขี้เกียจ ก็เอาความไม่สบายใจเหล่านั้นมาปรึกษาพ่อแม่ของเรานี่แหละค่ะ ท่านพร้อมที่จะเป็นที่จะรับฟังเราอยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อเถอะว่า ถ้าเราเครียด หาคนรับฟังเราแล้วจะสบายใจขึ้นเอง และยิ่งถ้าเราอารมณ์ดี จิตใจดีแล้วก็พร้อมที่จะทำสิ่งต่างๆ อีกมากมาย เหมือนได้เกิดใหม่ 5555
 
    2. ดีดนิ้วเรียกพลัง
          ปกติ เราเคยเห็นแต่ดีดนิ้วเวลาปิ๊งไอเดียใหม่ๆ แต่ถ้าน้องๆ สังเกตคนอื่น (หรือแม้แต่ตัวเอง) เวลาเราใช้ความคิด จะเผลอดีดนิ้วโดยไม่ทันตั้งตัวค่ะ ดังนั้นเวลาอยู่ว่างๆ อยากทำงาน แต่ไม่มีอารมณ์ทำงาน ลองดีดนิ้วสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยให้เราฮึดขึ้นได้ค่ะ การดีดนิ้วไม่ได้ทำให้น้องๆ ขยันขึ้นโดยตรง แต่เป็นการกระตุ้นให้เราลงมือทำนั่นเอง ไม่เชื่อลองดู
 
10 เทคนิคบอกลาความ "ขี้เกียจ" (สำหรับนักเรียน)
 
     3. พักผ่อนให้เต็มอิ่มทุกคืน
          ความเหนื่อย เป็นสาเหตุให้เราขี้เกียจทำทุกอย่างบนโลก แม้กระทั่งกิน!! แล้วนับประสาอะไรกับทำการบ้าน อ่านหนังสือ ความเหนื่อยเมื่อยล้า ทำให้น้องๆ ง่วงนอน อยากพักผ่อนทั้งวัน ทำอะไรก็ไม่มีสมาธิ ฉะนั้นกิจวัตรประจำวันอย่างการนอนเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียวค่ะ ลองนอนให้เต็มอิ่ม อิ่มในที่นี้คือ นอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และหลับให้สนิทค่ะ ตื่นเช้ามาสดชื่นมากๆ เรียนก็มีสมาธิ ทำการบ้านลื่นปรื้ดๆ เลยล่ะ
 
     4. ลงมือทำทันทีที่นึกออก
          อยากขยัน บางทีมันก็ต้องฝืนความขี้เกียจค่ะ วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่แก้ปัญหาความขี้เกียจได้ตรงจุดที่สุด นั่นก็คือ คิดว่าจะทำอะไร ก็ลงมือทำเดี๋ยวนั้น จะอ่านหนังสือหรอ.. ก็เดินไปหยิบหนังสือ จะทอดไข่เจียว..ก็ไปเตรียมกระทะ ตอกไข่ ใส่น้ำปลาแล้วทอดซะ ทุกอย่างจะสำเร็จเองถ้าเราลงมือทำ คำพูดติดปาก "เดี๋ยว" "เดี๋ยวก่อน" "อีกแป๊บนึง" เอาออกไปจากสมองเลยค่ะ ชิ่วๆ
 
    5. หัดมองเพื่อนที่ขยันๆ ไว้บ้าง
          แต่ละห้องเรียนมีคนหลายประเภท ขี้เกียจก็มี ขยันก็มี ขี้เกียจมากๆ ก็มี ขยันมากๆ ก็มี อย่าไปมองคนขี้เกียจแล้วบอกว่า "เห็นมั้ยเค้ายังไม่ทำ แล้วเราจะทำตามทำไป" ใครมองคนขี้เกียจแล้วคิดแบบนี้ ชีวิตล่มจมแน่ๆ ค่ะ ลองเปลี่ยนมามองเพื่อนที่ขยันบ้าง ขยันมากๆ ยิ่งดี แล้วทำตาม ซึมซับวิถีชีวิตของคนเหล่านั้นไว้บ้าง เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองทำตามแบบอย่างค่ะ
         คนที่ขี้เกียจแล้วได้ดีก็มีค่ะ แต่คนขยันแล้วได้ดีมีเยอะมากๆ แล้วพี่มิ้นท์ก็อยากให้น้องเป็นแบบหลัง ดังนั้นลองสังเกตดูว่าคนขยันเขาเรียนยังไง ทำอะไรบ้าง แล้วนำมาปรับใช้ในชีวิตตัวเอง เชื่อว่าไม่นาน น้องๆ จะขยันขึ้นค่ะ

 
10 เทคนิคบอกลาความ "ขี้เกียจ" (สำหรับนักเรียน)
 
   6. ลองทำกิจกรรมดูบ้าง ชีวิตจะได้หลากหลาย
         เรียนเฉยๆ อาจจะน่าเบื่อ จนเป็นที่มาของความขี้เกียจ ดังนั้นลองหาอะไรสนุกๆ ทำ กับเพื่อนที่โรงเรียนดูบ้าง เช่น เล่นกีฬากับเพื่อนๆ ดูเพื่อนซ้อมวงโยธวาทิต หัดเล่นดนตรี ช่วยครูทำงาน ฯลฯ ทำกิจกรรมให้ไปเติมเต็มการเรียน ชีวิตจะได้ไม่จำเจไปกับอะไรบางอย่างมากเกินไป ก็จะรู้สึกไม่เครียด จะเรียนด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น แล้วอารมณ์ขยันมันจะมาเอง
    
   
 7. ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท
         เกี่ยวกับความขยันยังไง? เกี่ยวแน่นอนค่ะ ความผิดพลาดบ่อยๆ จะทำให้เราไม่อยากทำอะไร หรือกลายเป็นคนขี้เกียจไปเลย เพราะกลัวทำแล้วผิดอีก เช่น ทำการบ้านเองแล้วผิดทุกครั้ง ครั้งต่อไปก็มาคิดว่า "ไม่ทำละ ทำไปเดี๋ยวก็ผิดอีก" กลายเป็นว่าแทนที่จะเพิ่มความพยายามเข้าไปมากขึ้นก็กลายเป็นเลี่ยงการบ้านไม่ทำซะเลย ดังนั้นถ้าไม่อยากเฟลเพราะทำผิดบ่อยๆ ก็ให้เพิ่มความรอบคอบให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำการบ้าน รายงาน หรือทำอะไรก็ตามในชีวิตประจำวัน เมื่อเราทำแล้วถูกเสมอ ก็จะมีกำลังใจและอยากทำสิ่งต่างๆ มากขึ้นนั่นเอง
 
    8. เขียนข้อดีของการขยันแปะฝาบ้าน
          ถ้าเราไม่เคยมองเห็นประโยชน์ของสิ่งที่ทำเราก็ไม่มีวันได้แรงบันดาลใจกลับคืนมา ยิ่งเป็นความขยันด้วยแล้ว ต้องฝืนนิสัยตัวเองมากๆๆๆๆๆ  เทคนิคข้อนี้หลายคนอาจจะเคยทำมาก่อนแล้วค่ะ แต่เป็นการเขียนเป้าหมายของตัวเองแปะฝาบ้านหรือจดคำศัพท์แปะฝาบ้าน พี่มิ้นท์ก็เลยเอามาประยุกต์นิดนึง คือ เปลี่ยนมาเขียนข้อดีของการขยันแปะฝาบ้าน 10 ข้อกำลังดี เช่น ขยันแล้วแม่ภูมิใจ, ขยันแล้วสอบติดคณะที่อยากเรียน, ขยันแล้วแม่ซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่, ขยันแล้วแม่เอาไปคุยโวกับญาติได้ เป็นต้น    
 
    9. ตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
         ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตแข่งกับเวลาอยู่นะคะ น้องๆ คงเคยได้ยินว่า "คนที่คิดและเริ่มลงมือทำก่อน จะได้เปรียบ" เป็นความจริงค่ะ สองทุ่มวันนี้เรายังดูทีวี แต่คนอื่นอีกนับพันกำลังนั่งอ่านหนังสือ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าวันสอบใครจะสบายกว่ากัน ซึ่งเทคนิคนึงที่จะทำให้เรามีเวลามากกว่าคนอื่น คือ การตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้นกว่าเวลาจริง กำลังดีคือประมาณ 5-10 นาทีค่ะ จะทำให้เราใช้เวลาเร็วกว่าคนอื่น และกระตุ้นให้เราทำอะไรเร็วขึ้น ขยันขึ้น ทำให้เรามีเวลาในชีวิตเพิ่มขึ้นด้วย เช่น จากเดิมออกจากบ้าน 7 โมง เป็นช่วงรถติดมากๆๆ แต่ถ้าตั้งเวลาเร็วขึ้น 10 นาที เท่ากับว่าเราออกจากบ้านจริง 6.50 น. รถอาจจะยังไม่ติด ถึงโรงเรียนเร็วมีเวลาพักผ่อนหรือตรวจทานการบ้านอีกด้วย
         แต่วิธีนี้มีข้อห้ามนิดนึงค่ะ ตั้งเวลาล่วงหน้าไปแล้ว ก็อย่าไปจำว่าเราตั้งเวลาล่วงหน้านะ ไม่งั้นวิธีนี้จะไร้ประโยชน์เลยจ้า

 
10 เทคนิคบอกลาความ "ขี้เกียจ" (สำหรับนักเรียน)
 

 
    10. กฎ 21 วันใช้ได้ผลเสมอ
          กฎ 21 วัน คือ การทำสิ่งใหสิ่งหนึ่งติดกัน 21 วัน เราจะทำสิ่งนั้นจนเป็นนิสัยไปเองโดยอัตโนมัติ ข้อนี้เป็นกฎจิตวิทยาที่มีการทดลองกันมาแล้วจริงๆ ว่า 21 วันเป็นช่วงที่เราค่อยๆ เรียนรู้ และปรับให้กลายเป็นความเคยชิน ดังนั้น น้องๆ ลองอ่านหนังสือก่อนนอน 20 นาทีให้เป็นนิสัย จัดตารางสอนให้เป็นนิสัย หรือทำอะไรก็ตาม ให้ติดกัน 21 วัน เราจะกลายเป็นคนใหม่ทันทีค่ะ

       ใครก็ตามที่เข้ามาอ่านบทความนี้แล้ว แสดงว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เลิกขี้เกียจ ฉะนั้นอ่านแล้วก็อย่าขี้เกียจทำตามล่ะ ไม่งั้นก็ไม่มีวันหายขี้เกียจแน่ๆ และถ้าน้องๆ มีเทคนิคเพิ่มความขยันวิธีอื่นๆ ก็อย่าขี้เกียจคอมเม้นนะคะ มาแชร์ไอเดียกันดีกว่าจ้า

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อึ้ง…600 แต่ถ้าพี่เร็ว ลดให้เหลือ 400 ก็ได้

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดมากับตัวเมื่อวานนี้ จึงอยากเอามาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังครับ
และถามว่าเพื่อน ๆ จะรู้สึกยังไงถ้าเจอเหตุการณ์นี้กับตัวเอง
เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นหลังจากที่ผมรับลูกมาจากหลังเรียนพิเศษ ซึ่งเวลามันก็ค่อนข้างดึก แน่นอนครับว่าฟ้าก็มืดแล้ว
ผมก็เลยให้ลูกของผม ย้ายไปนอนฝั่งข้างหลังเบาะ ถ้ามองจากข้างนอกก็คงเหมือนว่าผมขับรถมาคนเดียวแหละครับ ขณะที่ผมกำลังขับรถพาลูกกลับบ้าน
พอถึงแถวบริเวณสนามหลวง ผมจำเป็นต้องจอดรถเพื่อหาของ ในขณะนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเคาะกระจก ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร จึงเปิดกระจกลงมานิดนึงเผื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ
“600 ไปมั้ยค่ะ ?”
พอเจอคำถามนี้ ผมเลยงง เลยถามไปว่า
“เอ่อ 600 อะไรครับ ?”
“ก็ *** 600 แต่ถ้าพี่เร็ว ลดให้เหลือ 400 ก็ได้” (ขออนุญาติ เซนเซอร์นะครับ)
พอฟังประโยคนั้น ผมรู้ทันทีเลย เลยรีบปิดกระจกแล้วขับออกไป ประเด็นอยู่ตรงที่ ลูกสาวผมเขาตื่นขึ้นมาพอดีตอนจังหวะเคาะกระจก เลยถามผมว่า
“พ่อ ผู้หญิงคนนั้นใครค่ะ ?”
ผมเจอคำถามนี้เข้าไป ผมนี่ตื้อเลย เพราะลูกผมก็ยังเด็ก ผมไม่อยากให้เขาต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้ในช่วงอายุที่เร็วเกินไป
รวมทั้ง ภาพลักษณ์ ของอาชีพนี้ “อาชีพขายตัว” ค่อนข้างเป็นลบมาก ๆ สำหรับครอบครัวของผม โดยเฉพาะลูกผมเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว
ไม่อยากให้เขาต้องมาเจอกับคนที่อยู่ในสังคมแบบนั้น ไม่ให้รู้จักด้วยเลยยิ่งดี วันนั้นผมเลยตอบลูกผมไปว่า เขาเป็นคนขายของ ธรรมดา ลูกสาวก็เลยไม่ได้สงสัยอะไร
นั่นแหละครับ ผมเลยสงสัย ว่าอาชีพดี ๆ ก็มีเยอะแยะทำไมถึงไม่ไปลองไม่ไปทำ
ไม่คิดเหรอครับ ว่าถ้าลูกผมตื่นขึ้นมาแล้วถาม ผู้หญิงคนนั้นไปตรง ๆ มันจะเกิดอะไรขึ้น ผมรับไม่ได้จริง ๆ
เพื่อน ๆ รู้สึกยังไงกับอาชีพนี้ครับ 

กินเงินเดือน 8 หมื่น เลี้ยงหมูรับ 2 แสน

เป็นวิศวกรรับเงินเดือนละ 8 หมื่นบาท...จะมีสักกี่คนหนีมาทำเกษตร ที่ใครๆว่ายากจะไปรอด รายได้กลับเข้ามาเพียงพอยาไส้ก็บุญโขแล้ว
แต่ สมเกียรติ โหสกุล วัย 58 ปี อดีตผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพรถยนต์ส่งออก ของบริษัทค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น กลับมองต่าง...ทิ้งเงินเดือนเฉียดแสน หันมาเลี้ยงหมูรายได้ดีกว่า มั่นคงและยั่งยืนกว่า
สมเกียรติ โหสกุล
“แรงดลใจมาจากตอนบริษัทส่งไปเรียนเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่น อาจารย์ให้แนวคิดในการประกอบอาชีพ จะทำงานให้ชีวิตมั่นคง ขอแค่เพียงตื่นขึ้นมาแล้ว ได้เห็นกิจการของตัวเองเติบโตขึ้นทุกๆวัน ไม่ต้องไปใช้ชีวิตเร่งรีบ แย่งกัน เสียเวลานั่งรถไปทำงาน เป็นแค่ส่วนหนึ่งของระบบผลิตก็พอ ทำแค่นอตป้อนโรงงานก็ได้ เพราะโลกยุคนี้อะไรก็คอนแทรคไปหมด ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เองไปหมดทุกอย่าง ต้องแยกกันทำแล้วนำมาประกอบกันทั้งนั้น”
ทิ้งเงินเดือนเฉียดแสน หันมาเลี้ยงหมู
จากแนวคิดนี้ สมเกียรติ เลยหันกลับมามองตัวเอง หลังเกษียณจะทำอะไรกิน...ภรรยามีที่ดินใน ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง... คนในพื้นที่มีอาชีพเลี้ยงหมู คนรับซื้อมี คนจัดหาลูกหมู อาหารหมู สัตวบาลมีพร้อม องค์ความรู้ในพื้นที่ก็มี ไม่ต้องขวนขวายอะไรมาก ถ้าจะมีอนาคต จึงตัดสินใจลาออกจากบริษัท หันมาเลี้ยงหมูแบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง
ที่ดินใน ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
เลี้ยงรุ่นแรกไปได้ดี แต่มารุ่นหลัง ลูกหมูที่บริษัทนำมาให้มีอัตราตายสูง แถมยังมีปัญหาไม่ทำตามสัญญา จากที่ตกลงจะมารับซื้อจากกำหนด ปล่อยให้เราเลี้ยงนานไป ต้นทุนค่าอาหารกินหมด ชักเห็นท่าไม่ดี สมเกียรติ จึงเปลี่ยนบริษัทเจ้าใหม่แทน...ทำสัญญาคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ
ไม่ต้องขวนขวายอะไรมาก
“อยู่กับซีพีเอฟมาเกือบ 4 ปี ไม่เคยมีปัญหา ทุกอย่างเป็นไปตามสัญญาหมด เขามารับซื้อหมูตรงตามเวลา ไม่เคยเบี้ยว และถ้าเราทำดีตามที่เขาแนะนำ ยังบวกค่าโน่นค่านี่ให้ตลอด”
และจากวันเริ่มสัญญาเลี้ยงหมู 1 โรงเรือน 300 ตัว วันนี้เพิ่มเป็น 4 โรงเรือน 2,200 ตัว ทำรายได้ให้ครอบครัวเฉลี่ยแล้ว เดือนละ 200,000 บาท...อนาคตคิดว่าจะเพิ่มเป็น 6 โรงเรือน ตามแรงกำลังสองคนผัวเมียจะทำไหว
ไม่ต้องไปใช้ชีวิตเร่งรีบ
“เลี้ยงหมูสมัยนี้ ถ้ากล้าลงทุนจริง ไม่ได้เอาเงินกู้ไปหมุนทำอย่างอื่น ทำตามคำแนะนำของบริษัทบวกกับหมั่นหาความรู้มาเพิ่มเติมให้ตัวเองนิดหน่อย เป็นงานที่ง่ายมากๆ เลี้ยงหมูแค่ 4 โรงเรือน เราสองคนผัวเมียทำกันเอง ไม่ต้องใช้ลูกจ้างเลย เพราะระบบสมัยใหม่เขาออกแบบไว้แบบไม่ต้องใช้คนให้อาหารก็มีระบบอัตโนมัติจัดการ จะมีงานให้ทำบ้างก็แค่ฉีดล้างคอก เราแค่ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง แป๊บเดียวก็สะอาด ขี้หมูไหลลงท่อเข้าบ่อหมักแก๊สให้เสร็จสรรพ แม้แต่คนแก่อย่างพ่อตาผม อายุ 70 ปี ก็ยังทำได้เลย ต่อไปเลี้ยง 6 โรงเรือน ทำได้สบาย”
ฉะนั้นไม่ต้องสงสัย ทำไมเลี้ยงหมู มีอนาคตดีกว่า มั่นคงกว่า รับเงินเดือนแค่แปดหมื่น.
ชาติชาย ศิริพัฒน์

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มูลค่าของเงิน 5 บาท

ผมก้มดูเหรียญ 5 บาทในมือ ที่เพิ่งเก็บได้เมื่อกี้ ผมน้ำตาซึม ในหัวมันตื้อไปหมด คิดอยู่อย่างเดียวว่า 5 บาท นี้มันจะซื้ออะไรที่พอจะอิ่มท้องได้บ้าง ผมไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว

เงิน 20 บาทสุดท้าย ผมให้แฟนไปแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า เป็นเงินก้อนสุดท้ายที่ได้จากการเอาโทรศัพท์เครื่องเก่าไปจำนำ ในใจยังกังวลว่า เงิน 20 บาทนี้แฟนจะพอกินข้าวเที่ยงไหม

แล้วตอนเย็นเราสองคนจะกินอะไร

นั้นเป็นเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน เป็นเหมือนจุดที่เวลาหยุดนิ่งให้ผมคิดอะไรหลายๆ อย่าง เป็นช่วงเวลาที่ซึมเศร้า รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ไม่มีใครช่วยได้

แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีค่า ทำให้รู้ถึงคุณค่าของคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดได้ดียิ่งขึ้น ไม่เคยมีคำต่อว่าด่าทอ แม้เราจะอดบ้างอิ่มบ้าง เธอก็ไม่เคยบ่น ไม่เคยมาซึมเศร้าให้ผมคิดมาก มีแต่พูดให้กำลังใจและหวังว่าซักวัน เราจะมีวันพรุ่งนี้ที่ดีขึ้น

ผมไม่มีเงินเลย ไม่มีทุนซักบาทเป็นคนเรียนไม่เก่ง จบออกมาด้วยเกรด 2.14 / Low Profile หลังจากตั้งสติได้ ก็เริ่มหาสมัครงานใหม่ แต่ไม่ได้สมัครตำแหน่งวิศวกรตามที่ผมจบออกมา เพราะผมรู้แล้วว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับผม ผมทำแล้วไม่มีความสุข ผมไม่อยากทำงานด้านนี้แล้ว

ผมหาสมัครงานตำแหน่ง Graphic Designer ไปทั่วขอนแก่น แม้ฐานเงินเดือนของตำแหน่งนี้จะต่ำแค่ 7,500 บาท แต่ก็ไม่มีแม้แต่ทีเดียว ที่เรียกผมสัมภาษณ์ ใช่!.. ไม่มีแม้แต่จะเรียกสัมภาษณ์ นั้นก็เพราะผมจบวิศวะมา ไม่ได้จบมาด้านนี้

นึกย้อนกลับไป ก็ขอขอบคุณที่ไม่รับผมเข้าทำงาน ถ้ามีซักที่รับผมเข้าทำงาน ผมคงไม่ได้มาอยู่จุดนี้ เมื่อไม่มีที่ไหนรับผมเข้าทำงาน สิ่งเดียวที่ผมมีคือ Notebook เครื่องเก่าๆ ที่ไปกู้บัตรเงินสดมาสมัยที่ยังทำงานอยู่ (ซึ่งนั้นก็ทำให้ผมติด blacklist อยู่หลายปี เพราะไม่มีปัญญาส่ง)

งานไม่มี เงินไม่มี มี Notebook เครื่องเดียว โชคดี ที่ผมอยู่ใกล้มหาลัยมีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรี ผมก็นั่งเล่นเน็ตค้น Google ไปเรื่อยๆ ศึกษาอะไรไปเรื่อยเปื่อย สิ่งเดียวที่ผมพอจะมีฝีมืออยู่บ้างคือทำงานด้าน Graphic Design, ผมเริ่มศึกษาเพิ่มเติมด้านเขียนโปรแกรมด้วยตัวเอง, CSS, HTML, php, SEO, Magento แล้วก็เริ่มต้นทำเว็บขายของ ซึ่งก็แทบจะขายไม่ได้

แต่สิ่งที่ได้ก็คือ งานเว็บที่ออกมาดูแตกต่างจากเว็บอื่นๆ ในไทยที่มีในสมัยนั้นมาก เริ่มมีคนติดต่อเข้ามาจ้างงาน แต่ Notebook ผมมันก็รวนและเพี้ยนจนทำงานแทบไม่ได้แล้ว

เงินเดือนแฟนผมออก จึงรวบรวมเงินได้ 4,000 ไปซื้ออะไหล่คอมพิวเตอร์มือสองมาประกอบ ได้เครื่องเสร็จ ไม่มีเงินซื้อจอ โชคดีที่มีร้านเน็ตแถวนั้น ประกาศขายจอมือสองในราคา 500 บาท นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมเริ่มมีอุปกรณ์เริ่มทำงาน

งานเริ่มเข้ามา จาก 3-4 เดือนมีงานมาซักครั้ง ก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ทำงานมากกว่าปีละ 100 Projects โดยที่ไม่เคยต้องออกไปหางานเลย และมีงานรอทำตลอด

เรามีความฝันเหมือนกับทุกๆ คน เราอยากมีบ้าน อยากมีรถ อยากมีชีวิตที่สบายขึ้น

พอเริ่มมีกำลังเงินบ้าง เราจึงตัดสินใจทุ่มกำลังที่มีทั้งหมดสร้างบ้าน แต่ไม่ใช่บ้านของเรา เราสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ก่อน ผ่านไป 6 เดือน บ้านหลังน้อยก็เสร็จ พ่อ-แม่ มีความสุขมาก เราหมดเงิน... เหนื่อยมาก ทุกบาท ทุกสตางค์ เราใส่ไปในบ้านหลังนี้หมด เรารับรู้แล้วว่า การจะมีบ้านซักหลังมันแสนยากเย็น และเหนื่อยสุดๆ

จำได้ว่าตอนนั้น ค้างค่าช่างอยู่ 23,000 บาท มา 3 เดือน แล้ว เราขอทยอยจ่าย จนงวดสุดท้าย เราจ่ายจนมีเงินติดบัญชีแค่ร้อยกว่าบาท

เรารู้ว่าเมื่อสร้างบ้านหลังนี้แล้ว การจะมีบ้านเป็นของตัวเองนั้นคงเป็นเรื่องยากมาก เพราะเราหมดกำลังแล้ว เรายังคงอยู่บ้านเช่าหลังเล็กๆ ต่อไป

ในช่วงที่พีคมากๆ ผมนอนตี 3 และ ตื่น 7 โมงเช้าทุกวัน

ผมสร้างบริษัท ที่นโยบายคือ "ใช้ความสุขทำกำไร" เราเข้าทำงานตอน 9 โมงเช้า ทำงานน้อยกว่าที่อื่น 1 ชม. หยุด เสาร์-อาทิตย์ อยู่กันเหมือนครอบครัว ทำงานดีๆ ให้กับลูกค้า ลูกค้ามีความสุข เราทำงานอย่างมีความสุข ค่าตอบแทนคุ้มค่า ให้มาทำงานเหมือนมาเล่นสนุก แต่ได้เงินกลับไปในอัตราที่คุ้มค่า

เมื่อไม่มีทุนจงใช้ความรู้เป็นทุน เมื่อไม่เก่งจงศึกษาและขยันให้มากกว่าคนอื่น ผมเชื่อเสมอว่าไม่มีอะไรยาก มีแต่สิ่งที่เราไม่รู้

ผมยังคงเป็นมนุษย์ 200% อยู่ทุกวัน การเลิกงาน ตี 1 ตี 2 เป็นเรื่องปรกติ แม้งานจะหนักแต่ผมก็มีความสุขดี เพราะเราได้ทำสิ่งที่เรารัก งานไม่ใช่ภาระ แต่เป็นงานอดิเรก ที่ทำแล้วได้เงิน

ผมเชื่อว่าพลังของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด และงานหนักไม่เคยทำให้ใครตาย

วันนี้ผ่านมา 3 ปี นับแต่สร้างบ้านหลังแรกให้พ่อกับแม่ เราคิดว่าเราคงไม่มีกำลังและทำไม่ได้แล้ว แต่ในที่สุดวันนี้ก็สำเร็จ เรามีบ้านของเราแล้วครับ บ้านที่มาพร้อมกับสมาชิกใหม่ของเรา ลูกที่มาพร้อมกับบ้านหลังใหม่

รอยยิ้มแห่งความดีใจ ของคนที่อยู่กับผมมา 10 ปี มันทำให้ผมมีความสุขจริงๆ



ปล.ผมเขียนเรื่องราวนี้ขึ้นใน FB ส่วนตัวของผม และเอามาลงที่นี้ด้วย หวังว่าคงสร้างกำลังใจให้กับคนที่ท้อแท้ได้บ้างนะครับ

12 สัญญาณดี ที่บอกว่า "ผู้หญิงคนนี้อยากเป็นแม่ของลูกคุณ"

12 สัญญาณดี ที่บอกว่า "ผู้หญิงคนนี้อยากเป็นแม่ของลูกคุณ"

หาเพื่อนความรักวัยทำงาน
1.เธอไม่อายที่จะให้คุณเห็นหน้าสด -- ถ้าคุณรับได้คุณจะได้เห็นหน้านั่นทุกๆวันตอนตื่นนอนไงล่ะ
2.เธอพาคุณไปเจอคุณพ่อ คุณแม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อแนะนำตัว และในทุกๆโอกาส
3.ถ้าคุณบอกว่าชุดนี้โป๊ไป เธอจะเก็บชุดนั้นใส่กรุไว้
4.หากคุณมีปัญหา เธอไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาให้คุณ เธอยังคอยให้กำลังใจคุณเสมอ
5.บางครั้งเธอก็ง้อคุณทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของเธอ
6.เธอจะบอกกับทุกๆคนว่า "คุณหน่ะน่ารักที่สุดในโลก(ของเธอ)"
7.ถ้าได้ไปเที่ยวด้วยกัน เธอจะถามว่า "ปีหน้าเราไปไหนกันดี?" 
8.เธอจะทำตัวเหมือน 7-11 มีทุกอย่างที่คุณต้องการ -- หิวจะทำให้กิน ปวดหัวตัวร้อนมียาให้ 
9.เธอจำวันครบรอบได้อย่างแม่นยำ เพราะมันเป็นวันของเธอกับคุณ
10.ถ้าคุณรักหมา แต่เธอไม่ชอบเท่าไร -- ไม่เป็นไรเธอพร้อมจะปรับตาม
11.บ่อยครั้งที่เธออาสาทำตัวน่ารัก เป็นลูกสาวที่ดีของพ่อกับแม่คุณ
12.เธอจะยุ่งแค่ไหน เธอมีเวลาให้คุณแน่นอนในทุกๆวัน




หากผู้หญิงข้างๆคุณมีมากว่า 7 ข้อ คุณโชคดีครับ 
 อย่าปล่อยให้หลุดมือไปละ^^

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

10 มหาเศรษฐี “รวยที่สุด” ในประเทศไทย ทำธุรกิจอะไร

TerraBKK Research นำเสนอ Top10 มหาเศรษฐีในประเทศไทย” จากการจัดอันดับของ “Forbes Thailand” ใครแต่ละคนทำธุรกิจอะไรกัน ติดตามได้ดังต่อไปนี้… 

 อันดับที่ 1 “ครอบครัว จิราธิวัฒน์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 413,956.50 ล้านบาท หากพูดถึงตระกูลนี้ก็จะนึกถึง “เซ็นทรัลกรุ๊ป” มีศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทยและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยมาจนถึงปัจจุบัน ผ่านช่วงมรสุม ผ่านร้อน ผ่านหนาว จนในที่สุดชื่อ “เซ็นทรัล” ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของใครหลายๆคนและประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้  โดย “เซ็นทรัลกรุ๊ป” เป็นเจ้าของแบรนด์ศูนย์การค้าดังๆในประเทศไทยหลายแบรนด์ได้แก่ Robinson, Zen และ Central เป็นต้น และยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภท Office Building, Hotel (Centara Hotel) อีกด้วย 

อันดับที่ 2 “นายธนินท์ เจียรวนนท์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 374,842.50 ล้านบาท “นายธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร “เครือเจริญโภคภัณฑ์ : CPF” เครือเจริญโภคภัณฑ์ก้าวสู่การเป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับภาคชนบท และก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก เป็นผู้ผลิตกุ้งรายใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสัตว์ปีกใหญ่ที่สุดในโลก เป็นบริษัทที่ทำการเกษตรแบบทันสมัยและครบวงจร และยังทำธุรกิจค้าปลีกอย่าง 7-11 ภายใต้การบริหารงานของ CP ALL  ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เขาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไทยคนหนึ่ง 

อันดับที่ 3 “นายเจริญ สิริวัฒนภักดี” มีมูลค่าทรัพย์สิน 368,323 ล้านบาท เจริญ สิริวัฒนภักดี ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริษัทไทยเบฟเวอเรจ (ThaiBev) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน), ประธานกลุ่มบริษัท สุรามหาราษฎร จำกัด, ประธานกรรมการบริหาร บริษัททีซีซี กรุ๊ป (มีเครือข่ายลงทุนในต่างประเทศมากมาย) และประธานบริษัท มิลเลียไลฟ์ อินชัวรัส์ จำกัด มหาชน นายเจริญ สิริวัฒนภักดีเป็นนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน ประกอบธุรกิจ หลากหลาย ทั้ง อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่สุดที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย  เจ้าของบริษัทเบียร์ช้างและบริษัทในเครือ และเจ้าของกิจการ โรงแรม พลาซ่า แอททินี่ ในกรุงเทพมหานคร และในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 

อันดับที่ 4 “เฉลียว อยู่วิทยา และครอบครัว ” มีมูลค่าทรัพย์สิน 322,690 ล้านบาท “เฉลียว อยู่วิทยา(บิดา)” ในอดีตมีอาชีพเลี้ยงเป็ด และค้าขายผลไม้ จากนั้นเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำงานร้านขายยา เป็นเซลส์แมนขายยา “ออริโอมัยซิน” จากนั้นได้ลาออกมาเป็นตัวแทนนำเข้ายามาจำหน่ายเอง และต่อมาตั้งโรงงานผสมยาอยู่หลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ ราชดำเนิน จากนั้นตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน ในช่วงแรก ผลิตแป้ง”แทตทู” ยาเด็ก “เบบี้ดอล” ก่อนจะมาถึงเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” ด้วยการทำตลาดแบบถึงลูกถึงคน ทำให้กระทิงแดงตีตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาดและเป็นผู้บริหาร บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ได้ผลิตเครื่องดื่ม อาทิ เครื่องดื่มกระทิงแดง (โด่งดังไปทั่วโลก) ลูกทุ่ง สปอนเซอร์ กาแฟกระทิงแดง เรดบูลเอ็กตร้า เพียวลิคุ เป็นต้น 

อันดับที่ 5 “นายกฤตย์ รัตนรักษ์” มีมูลค่าทรัพย์สิน 166,234 ล้านบาท “กฤตย์ รัตนรักษ์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด(มหาชน) หรือ ปูนอินทรี ตระกูลรัตนรักษ์ ถือเป็นตระกูลรุ่นบุกเบิกตระกูลหนึ่งของสังคมธุรกิจไทย สามารถสร้างฐานธุรกิจอย่างมั่นคงในช่วงสงครามเวียดนาม มีเครือข่ายธุรกิจสำคัญ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์นครหลวง และเจ้าของสัมปทานเครือข่ายฟรีทีวีรายใหญ่ที่สุด (ช่อง7) นอกจาก 3 ธุรกิจที่เป็นเสาหลักแล้ว ตระกูลรัตนรักษ์ ภายใต้การนำของ “คุณกฤตย์” ยังลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาด โดยใช้การเข้าไปลงทุนแบบถือหุ้นร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ตระกูลรัตรักษ์ ยังคงเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดินจำนวนมากในประเทศไทยไม่แพ้ คุณเจริญและคุณธนินท์ เลยทีเดียว

 อันดับที่ 6 “นายวาณิช ไชยวรรณ” มีมูลค่าทรัพย์สิน 127,120 ล้านบาท ถ้าเอ่ยถึง “ไทยประกันชีวิต” ต้องนึกถึงคนๆนี้ ถือได้ว่าเป็นบุคคลเก่าแก่ในวงการประกันของไทยผ่านเส้นทางอันยาวนานกว่า 70 ปี ธุรกิจประกันยังเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามากที่สุดของกลุ่ม ปัจจุบัน คุณวาณิช ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจที่เข้าไปถือหุ้นอีก 6 สาย ประกอบไปด้วยสายประกันภัย สายการเงิน สายอุตสหกรรมและเครื่องดื่ม สายประกันภัย และสุดท้ายสายอสังหาริมทรัพย์ “วาณิช ไชยวรรณ” เป็นผู้สร้างบริษัทประกันชีวิตของคนไทยดังสโลแกน “ไทยประกันชีวิตดูแลชีวิตคนไทย”

 อันดับที่ 7 “นายสันติ ภิรมย์ภักดี และครอบครัว” มีมูลค่าทรัพย์สิน 91,226 ล้านบาท ตระกูลเบียร์ที่ได้ความนิยมที่สุดอย่างภายใต้แบรนด์ เบียร์สิงห์ เบียร์ลีโอ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี จำกัด “นายสันติ ภิรมย์ภักดี” เข้าสู่ธุรกิจ ในช่วงที่บุญรอด บริว เวอรี่ ซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูลกำลังขยายตัวออกไปในแนวตั้ง เพื่อให้ธุรกิจมีความครบวงจร โดยการขยายโรงงานแห่งที่ 2 ที่ปทุมธานี มีการจัดตั้งบริษัทบางกอกกลาส ซึ่งเป็นโรงงาน ผลิตขวดเบียร์ โรงงานพลาสติกไทย ผู้ผลิตลัง พลาสติก บรรจุขวดเบียร์ และบริษัทเชียงใหม่ มอลท์ติ้ง ผลิตข้าวมอลท์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ ในการผลิตเบียร์ ปัจจุบันธุรกิจเบียร์เป็นธุรกิจที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยคู่แข่งสำคัญที่สุดคือเบียร์ช้าง ของเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งมีฐานเงินทุนที่แน่น หนา และพยายามใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทุก วิถีทาง เพื่อที่จะเบียดเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด ไปจากบุญรอดบริวเวอรี่ 

อันดับที่ 8 “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” มีมูลค่าทรัพย์สิน 74,968 ล้านบาท “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ เจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นผู้วางยุทธศาสตร์ในการต่อยอดโรงพยาบาลด้วยการเห็นความคุมค่าในระยะยาวและสร้างความยิ่งใหญ่ในธุรกิจโรงพยาบาล จนกระทั่งปัจจุบันสามารถขยายเครือข่าย “โรงพยาบาลกรุงเทพ” ผลิตและจำหน่ายวัสดุภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยมียอดการส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย และได้เข้าซื้อกิจการกับอีกหลายโรงพยาบาลเช่น โรงพยาบาลพญาไท เปาโล และอีกหลายโครงการ คุณหมอปราเสริฐ มีความตั้งใจอย่างสูงในการขยายเครือข่ายโรงพยาบาล ด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั้งในและนอกประเทศเพื่อก้าวเป็นเบอร์ 1 ใน 3 ของโลกในอนาคต ปัจจุบันมีเครือข่ายกว่า 30 แห่ง

 อันดับที่ 9 “นายวิชัย มาลีนนท์ และครอบครัว” มีมูลค่าทรัพย์สิน 55,410 ล้านบาท “วิชัย มาลีนนท์” ผู้ก่อตั้ง “ช่อง3” จากอดีตเด็กรับรถสองแถวก้าวสู่การเป็นหัวหน้าคุมวิน และก่อร่างสร้างตัวเป็นเจ้าของธุรกิจสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมัน เจ้าของสัมปทานสลากกินแบ่ง เจ้าของบริษัทก่อสร้างและธุรกิจที่ดิน จนกลายเป็นตระกูลมหาเศรษฐี เจ้าของสถานีโทรทัศน์ ที่ถือครอง ”หุ้นในตลาดหลักทรัพย์” มากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย เป็นเรื่องของฝีมือบวกความมานะอดทนล้วนๆ 

อันดับที่ 10 “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” มีมูลค่าทรัพย์สิน 53,781 ล้านบาท “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 ของประเทศ ไม่เพียงแค่ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นนักธุรกิจใหญ่ มีเครือข่ายธุรกิจหลายแสนล้านบาทเข้าสู่วงการธุรกิจอย่างเต็มตัววิธีคิดแบบนักธุรกิจ แบบกล้าได้กล้าเสีย กล้าตัดสินใจทันที พร้อมที่จะเผชิญการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งเคยเป็นนักธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคมและการสื่อสารขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน อดีตเคยเป็นข้าราชการตำรวจ อดีตเจ้าของและประธานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแห่งประเทศกัมพูชา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน และอดีตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ธุรกิจส่วนใหญ่ของมหาเศรษฐีเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็น “สินค้าจำเป็น” เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันที่ทุกคนต้องกินต้องใช้ ได้แก่ โรงพยาบาล เทคโนโลยีการสื่อสาร บันเทิง อาหารและเครื่องดื่ม ประกัน และอสังหาริมทรัพย์